23 ตุลาคม 2559 บริษัทอะคาไม เทคโนโลยีส์ ผู้ให้บริการโซลูชั่นระบบเครือข่าย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย 35 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 68 ล้านคน ขณะที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้กว่า 4,900 ล้านชิ้น
ประเด็นหลัก
____________________________
คนไทยเสพติดเน็ต "อะคาไม" โหมตลาดไทย
"ริชาร์ด เคลเมนต์" ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทอะคาไม เทคโนโลยีส์ ผู้ให้บริการโซลูชั่นระบบเครือข่าย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย 35 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 68 ล้านคน มากกว่า 25% เป็นการใช้โมบายอินเทอร์เน็ต โดย 95% ใช้ความเร็วสูงกว่า 4 Mpbs
ขณะที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้กว่า 4,900 ล้านชิ้น ทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีประชากรถึง 86% แอ็กทีฟกับอินเทอร์เน็ตทุกวัน ซึ่งหมายถึงความต้องการที่จะใช้งานอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วและมีศักยภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ ของผู้ใช้งาน
สำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยยังเติบโตก้าวกระโดด จากราว 2.03 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2557 เป็นกว่า 2.435 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558 คาดว่าปีนี้จะอยู่ในระดับ 3.01 พันล้านเหรียญสหรัฐ กลายเป็น 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2560
"การเติบโตทั้งหลายมาพร้อมความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น โดยไทยกลายเป็นอันดับ 2 ของเป้าหมายอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยเฉพาะการโจมตีประเภทมัลแวร์รองจากสหรัฐอเมริกา"
____________________________
คนไทยเสพติดเน็ต "อะคาไม" โหมตลาดไทย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันอินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งจำเป็นทั้งในภาคธุรกิจและชีวิตประจำวัน ส่งผลให้การใช้งานเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
"ริชาร์ด เคลเมนต์" ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทอะคาไม เทคโนโลยีส์ ผู้ให้บริการโซลูชั่นระบบเครือข่าย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย 35 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 68 ล้านคน มากกว่า 25% เป็นการใช้โมบายอินเทอร์เน็ต โดย 95% ใช้ความเร็วสูงกว่า 4 Mpbs
ขณะที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้กว่า 4,900 ล้านชิ้น ทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีประชากรถึง 86% แอ็กทีฟกับอินเทอร์เน็ตทุกวัน ซึ่งหมายถึงความต้องการที่จะใช้งานอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วและมีศักยภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ ของผู้ใช้งาน
สำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยยังเติบโตก้าวกระโดด จากราว 2.03 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2557 เป็นกว่า 2.435 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558 คาดว่าปีนี้จะอยู่ในระดับ 3.01 พันล้านเหรียญสหรัฐ กลายเป็น 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2560
"การเติบโตทั้งหลายมาพร้อมความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น โดยไทยกลายเป็นอันดับ 2 ของเป้าหมายอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยเฉพาะการโจมตีประเภทมัลแวร์รองจากสหรัฐอเมริกา"
โดยจากการสำรวจพบว่า มีการโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) ซึ่งเป็นการโจมตีเครือข่ายแบบเฉพาะเจาะจงไปที่ DOS เพื่อไม่ให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานได้ปกติ และผ่านหน้าเว็บไซต์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 125% แยกเป็นในกลุ่มเกมมิ่ง 55% ซอฟต์แวร์และเทคโนโลยี 25% มีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ 5% กลุ่มบริการทางการเงินและอินเทอร์เน็ต 4%
"ด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจและโอกาสทางการตลาด อะคาไมฯจึงจะรุกตลาดไทยมากขึ้น หลังเข้ามาทำตลาดผ่านการจับมือกับพาร์ตเนอร์มากว่า 10 ปีแล้ว ถือเป็นประเทศสำคัญที่สร้างรายได้ให้บริษัท และจากนี้จะตั้งผู้บริหารเข้ามารับผิดชอบตลาดในประเทศไทยโดยตรง แต่ยังไม่มีแผนตั้งสำนักงานในไทยนอกเหนือจากในสิงคโปร์และมาเลเซีย แต่จะให้น้ำหนักในการทำตลาดมากขึ้น"
สำหรับอะคาไมฯเป็นผู้ให้บริการระบบ (Content Delivery Network) CDN ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 280,000 เครื่องกระจายตัวอยู่กว่า 110 ประเทศทั่วโลก และในไทยมีเซิร์ฟเวอร์ติดตั้งอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น ระยอง และภูเก็ต รวมกว่า 1,900 เครื่อง มีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) 22 ราย ใช้บริการรวมถึงให้บริการโซลูชั่นที่ช่วยให้การเข้าถึงเนื้อหาของลูกค้าทำได้เร็วขึ้นด้วยระบบ CDN ทั้งมีบริการ Cloud Security ด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1475138982
ไม่มีความคิดเห็น: