Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

09 กันยายน 2559 ผู้แทนสมาพันธ์ดิจิทัลไทยยื่นหนังสือต่อประธานกรรมาธิการฯ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ บอกเห็นด้วยกับที่มีการแก้ไขไปส่วนใหญ่ ยกเว้นมาตรา 20 (4) ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ไปขออำนาจศาลบล็อกเว็บไซต์ได้

ประเด็นหลัก





25 ส.ค.59 ผู้แทนสมาพันธ์ดิจิทัลไทยยื่นหนังสือต่อประธานกรรมาธิการฯ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ บอกเห็นด้วยกับที่มีการแก้ไขไปส่วนใหญ่ ยกเว้นมาตรา 20 (4) ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ไปขออำนาจศาลบล็อกเว็บไซต์ได้ แม้เว็บไซต์นั้นจะไม่ได้กระทำการละเมิดกฎหมาย ชี้กระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและมีผลต่อการเติบโตของของเศรษฐกิจดิจิทัล

เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา ที่อาคารรัฐสภา 2 ผู้แทนสมาพันธ์ดิจิทัลไทย นำโดยนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาพันธ์ฯ, น.ส.กนกพร ประสิทธิ์ผล นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์, นายกิตติรักษ์ ม่วงมิ่งสุข นายกสมาคมศึกษาและพัฒนาโอเพ่นซอร์สและนายศุภเสฏฐ์ ชูชัยศรี นายกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ได้ร่วมกันยื่นหนังสือแสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และนายวิทยา ฉายสุวรรณ สนช.

ทั้งนี้ เนื้อหาของหนังสือดังกล่าว ระบุว่า สมาพันธ์ดิจิทัลไทย ขอสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ในทุกมาตราเว้นแต่มาตรา 20(4) ซึ่งมีรายละเอียดว่า "ในกรณีที่มีการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังต่อไปนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจ ขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้...



...(4) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ไม่เป็นความผิดต่อกฎหมายอื่นแต่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวตามที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้..."








____________________________________


25 ส.ค.59 ผู้แทนสมาพันธ์ดิจิทัลไทยยื่นหนังสือต่อประธานกรรมาธิการฯ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ บอกเห็นด้วยกับที่มีการแก้ไขไปส่วนใหญ่ ยกเว้นมาตรา 20 (4) ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ไปขออำนาจศาลบล็อกเว็บไซต์ได้ แม้เว็บไซต์นั้นจะไม่ได้กระทำการละเมิดกฎหมาย ชี้กระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและมีผลต่อการเติบโตของของเศรษฐกิจดิจิทัล

เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา ที่อาคารรัฐสภา 2 ผู้แทนสมาพันธ์ดิจิทัลไทย นำโดยนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาพันธ์ฯ, น.ส.กนกพร ประสิทธิ์ผล นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์, นายกิตติรักษ์ ม่วงมิ่งสุข นายกสมาคมศึกษาและพัฒนาโอเพ่นซอร์สและนายศุภเสฏฐ์ ชูชัยศรี นายกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ได้ร่วมกันยื่นหนังสือแสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และนายวิทยา ฉายสุวรรณ สนช.

ทั้งนี้ เนื้อหาของหนังสือดังกล่าว ระบุว่า สมาพันธ์ดิจิทัลไทย ขอสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ในทุกมาตราเว้นแต่มาตรา 20(4) ซึ่งมีรายละเอียดว่า "ในกรณีที่มีการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังต่อไปนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจ ขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้...

...(4) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ไม่เป็นความผิดต่อกฎหมายอื่นแต่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวตามที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้..."



โดยสมาพันธ์ดิจิทัลไทยได้พิจารณาร่วมกันแล้ว มีความเห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าว มีหลักการที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ควรจะถูกจำกัดสิทธิเฉพาะในเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง การมีบทบัญญัติเช่นนี้ ย่อมกระทบกระเทือนต่อสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ตลอดจนอาจมีผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามนโยบายของรัฐบาล



ด้าน พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกล่าวหลังจากได้รับหนังสือว่า ประเด็นที่ทางสมาพันธ์เสนอความคิดเห็นมานั้น คณะกรรมาธิการกำลังพิจารณาอยู่ โดยจะรับฟังความคิดเห็นจากทุกๆฝ่ายให้รอบด้าน เพื่อให้เกิดความสมดุลกันระหว่างสิทธิเสรีภาพของประชาชนกับปัญหาด้านความมั่นคง ทั้งนี้จะมีการนำความเห็นของทางสมาพันธ์ฯ เข้าพิจารณาในคณะกรรมาธิการด้วย

สำหรับสมาพันธ์ดิจิทัลไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 เม.ย.59 โดยเป็นการรวมตัวของสมาคมและชมรมทางด้านดิจิทัลทั้งหมด 9 องค์กร ได้แก่ 1. สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ 2.สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย 3.สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย 4.สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) 5.สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย 6.สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ 7.สมาคมศึกษาและพัฒนาโอเพ่นซอร์ส 8.สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และ 9.ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ

http://www.naewna.com/business/232171

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.