Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

08 กุมภาพันธ์ 2559 กสทช. โครงการที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นมีโอกาสในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิตอลตามประกาศของ กสทช.ว่าด้วยเรื่องกฎมัสแคร์รี่ คือ เคเบิลทีวีทุกรายต้องนำรายการทีวีดิจิตอลไปเผยแพร่ ซึ่งจากการประชุม กสท. เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2558 ได้ข้อสรุปว่า เคเบิลทีวีรายย่อยยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 6 เดือน ดังนั้น หากเริ่มโครงการนี้เชื่อว่าการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิตอลจะทำได้ทันตามกำหนด

ประเด็นหลัก


ขณะที่ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสทช. และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นมีโอกาสในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิตอลตามประกาศของ กสทช.ว่าด้วยเรื่องกฎมัสแคร์รี่ คือ เคเบิลทีวีทุกรายต้องนำรายการทีวีดิจิตอลไปเผยแพร่ ซึ่งจากการประชุม กสท. เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2558 ได้ข้อสรุปว่า เคเบิลทีวีรายย่อยยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 6 เดือน ดังนั้น หากเริ่มโครงการนี้เชื่อว่าการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิตอลจะทำได้ทันตามกำหนด

“โครงการนี้ช่วยให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ทั้งผู้ประกอบการดาวเทียม เคเบิล มีการรวมกลุ่มกันเพื่อช่วยเหลือกันพัฒนากิจการเคเบิลท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น จะทำให้เกิดเป็นโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค เหมือนที่เกาหลี และไต้หวันทำสำเร็จมาแล้ว ในขณะเดียวกัน เป็นการสนับสนุนรัฐวิสาหกิจอย่าง กสท โทรคมนาคม ให้สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และไม่ซ้ำซ้อน เป็นการเพิ่มศักยภาพภาพการแข่งขันในตลาดของ กสท โทรคมนาคมด้วย”




________________________________


เคเบิลทีวีรายย่อยพร้อมเปลี่ยนสู่ระบบดิจิตอล
โดย MGR Online


เคเบิลทีวีรายย่อยพร้อมเปลี่ยนสู่ระบบดิจิตอล
พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการบริษัท และรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท โทรคมนาคม

เคเบิลท้องถิ่นจับมือ กสท โทรคมนาคม เปลี่ยนระบบแอนะล็อกสู่ดิจิตอล เลียนแบบเกาหลี ไต้หวัน คาดช่วยลดต้นทุนจากหลักล้านบาท เหลือเพียง 5 หมื่นบาท เริ่มเฟสแรกภาคอีสาน ขณะที่ กสท โทรคมนาคม หวังรุกตลาดอินเทอร์เน็ตภูธร ด้วยการให้เคเบิลรายเล็กทำตลาด ด้าน “ธวัชชัย” เปิดช่องมีเวลา 6 เดือน ต้องเข้าสู่กฎมัสแคร์รี่ มั่นใจโครงการนี้ช่วยทำให้สำเร็จ
นายมานพ โตการค้า ประธานชมรมโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวีไทยแลนด์ (CABSAT) กล่าวว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่น (LCO) ทั่วประเทศให้เปลี่ยนผ่านการให้บริการสัญญาณเคเบิลทีวีระบบแอนะล็อกไปสู่ระบบดิจิตอลได้ด้วยต้นทุนที่ถูกลง จึงได้ลงนามร่วมกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการ 3 ประสาน ซึ่งมีสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นผู้ประสานงานให้โครงการเกิดขึ้น
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อต้องการแก้ปัญหาการเปลี่ยนผ่านการให้บริการจากระบบแอนะล็อกไปสู่ดิจิตอลได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่มีผู้ประกอบการรายกลาง และเล็กประมาณ 200 ราย ไม่สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดังกล่าวได้ เนื่องจากติดปัญหาด้านการลงทุนในการสร้างสถานีรับส่งสัญญาณดิจิตอลที่ต้องใช้เงินลงทุนถึงหลักล้านบาท แต่หากเข้าร่วมโครงการดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนลดลงเหลือเพียงรายละ 50,000 บาท ด้วยการใช้ไฟเบอร์ ออปติก ของ กสท โทรคมนาคม ในการเชื่อมสถานีส่งสัญญาณของ LCO เข้าด้วยกันเพื่อช่วยให้ LCO ที่ยังไม่มีความพร้อมในการให้บริการระบบดิจิตอลสามารถใช้โครงข่ายไฟเบอร์เพื่อเชื่อมสัญญาณ และเปิดให้บริการสัญญาณเคเบิลทีวีในระบบดิจิตอลได้ทันที


สำหรับการเริ่มโครงการจากนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อหาข้อสรุปกับ LCO ว่า จะจับกลุ่มรวมตัวกันได้อย่างไรเพื่อให้ผู้ประกอบการหลายๆ รายรวมตัวกันในการใช้สถานีรับส่งสัญญาณดิจิตอลร่วมกัน และพื้นที่ใดที่ไฟเบอร์ ออปติกของ กสท โทรคมนาคม เข้าถึงบ้าง โดยจะเน้นทำเฉพาะพื้นที่ที่ กสท โทรคมนาคม มีไฟเบอร์ ออปติกอยู่แล้ว เพราะโครงการนี้ไม่ได้เป็นโครงการที่ต้องลงทุนเพิ่ม แต่เป็นเหมือนโครงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน จากนั้นจะเริ่มทำโครงการทีละเฟส โดยเฟสแรกจะเริ่มที่ภาคอีสานก่อน เพราะเป็นภาคที่มีผู้ประกอบการมากที่สุดประมาณ 100 ราย รวมทั้งเปิดโอกาสให้ กสท โทรคมนาคม และ LCO สามารถหารายได้เพิ่มเติมจากการเปิดให้บริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้แก่สมาชิกควบคู่ไปกับการให้บริการเคเบิลทีวีได้อีกด้วย
ขณะเดียวกัน CABSAT ซึ่งมีสมาชิกเป็น LCO ที่มีโครงข่าย สายเคเบิลทีวีเป็นของตนเองกระจายอยู่ตามจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้านทั่วประเทศสามารถส่งเสริมการต่อยอดธุรกิจของ กสท โทรคมนาคม ซึ่งต้องการขยายฐานผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตรวมถึงบริการอื่นๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้ในครัวเรือนทั่วประเทศผ่านโครงข่ายลาสไมล์ ของ LCO ได้อย่างกว้างขวาง โดยการเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตของ กสท โทรคมนาคม จะมีความร่วมมือสนับสนุนจาก LCO ในด้านการตลาด และการติดตั้ง รวมถึงการสนับสนุนบริการหลังการขาย
“หากผู้ประกอบการแต่ละรายลงทุนเองก็จะมีสถานีถึง 200 สถานี แต่หากรวมตัวกันก็จะช่วยลดต้นทุน สถานีก็จะลดลงเหลือไม่ถึง 100 สถานี ก็จะสามารถแข่งขันได้ และโมเดลนี้เราไม่ได้เพิ่งคิด เราทำเหมือนกับประเทศเกาหลี ไต้หวัน ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้ว ขณะที่เราเองก็จะช่วย กสท โทรคมนาคม ในการทำการตลาดให้บริการอินเทอร์เน็ต ถ้าราคา และบริการของเขาสู้กับคนอื่นได้ยังไงลูกค้าก็ต้องเลือกเขา ที่สำคัญคือ กสท โทรคมนาคม เองก็ต้องจัดอบรมเรื่องการติดตั้ง ซ่อมบำรุงอินเทอร์เน็ตให้แก่พวกเราด้วยจะได้สะดวกในการให้บริการ” นายมานพ กล่าว
ด้าน พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการบริษัท และรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า กสท โทรคมนาคม มีไฟเบอร์ ออปติกทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงผู้ประกอบการดาวเทียม และเคเบิลได้อย่างครอบคลุม ซึ่งเมื่อผู้ประกอบการได้ใช้ไฟเบอร์ ออปติกของ กสท โทรคมนาคม ก็สามารถปรับการให้บริการเป็นแบบดิจิตอลได้ทันที และทำให้ กสท โทรคมนาคมได้ลูกค้าอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นจากสมาชิกคู่ไปกับการให้บริการเคเบิลทีวีด้วย


ขณะที่ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสทช. และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นมีโอกาสในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิตอลตามประกาศของ กสทช.ว่าด้วยเรื่องกฎมัสแคร์รี่ คือ เคเบิลทีวีทุกรายต้องนำรายการทีวีดิจิตอลไปเผยแพร่ ซึ่งจากการประชุม กสท. เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2558 ได้ข้อสรุปว่า เคเบิลทีวีรายย่อยยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 6 เดือน ดังนั้น หากเริ่มโครงการนี้เชื่อว่าการเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิตอลจะทำได้ทันตามกำหนด
“โครงการนี้ช่วยให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ทั้งผู้ประกอบการดาวเทียม เคเบิล มีการรวมกลุ่มกันเพื่อช่วยเหลือกันพัฒนากิจการเคเบิลท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น จะทำให้เกิดเป็นโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค เหมือนที่เกาหลี และไต้หวันทำสำเร็จมาแล้ว ในขณะเดียวกัน เป็นการสนับสนุนรัฐวิสาหกิจอย่าง กสท โทรคมนาคม ให้สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และไม่ซ้ำซ้อน เป็นการเพิ่มศักยภาพภาพการแข่งขันในตลาดของ กสท โทรคมนาคมด้วย”


http://www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9590000006480&utm_source=MadMimi&utm_medium=email&utm_content=MGR+Morning+Brief+20-1-59&utm_campaign=20160119_m129385620_MGR+Morning+Brief+20-1-59&utm_term=_E0_B9_80_E0_B8_84_E0_B9_80_E0_B8_9A_E0_B8_B4_E0_B8_A5_E0_B8_97_E0_B8_B5_E0_B8_A7_E0_B8_B5_E0_B8_A3_

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.