Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

03 มกราคม 2559 ช่อง 3 ระบุ งบฯลงทุนปี 2559 ยังอยู่ระหว่างการวางแผน แต่มั่นใจว่าจะมากกว่าปีนี้แน่นอน เพราะจะมีรายการใหม่ ๆ เข้ามา โดยจะให้น้ำหนักกับช่อง 3 เอสดี เพื่อสร้างฐานผู้ชมกลุ่มแมส สำหรับภาพรวมรายได้ปี 2559 นั้นตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตขึ้นกว่าปีนี้ ส่วนช่อง 3 เอชดีปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ลดลง 7-8% จากปี 2557

ประเด็นหลัก





"งบฯลงทุนปี 2559 ยังอยู่ระหว่างการวางแผน แต่มั่นใจว่าจะมากกว่าปีนี้แน่นอน เพราะจะมีรายการใหม่ ๆ เข้ามา โดยจะให้น้ำหนักกับช่อง 3 เอสดี เพื่อสร้างฐานผู้ชมกลุ่มแมส สำหรับภาพรวมรายได้ปี 2559 นั้นตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตขึ้นกว่าปีนี้ ส่วนช่อง 3 เอชดีปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ลดลง 7-8% จากปี 2557"



__________________________________________________________






ช่อง 3 กางโรดแมปลุยปั้นทีวีดิจิทัล เล็งประมูลถ่ายสด "บอลโลก2018" กวาดฐานคนดู


ช่อง 3 ดีเดย์ปั้น 3 เอสดี-แฟมิลี่เต็มสูบ ชูคอนเทนต์กีฬา วาไรตี้ การ์ตูน มัดใจผู้ชมพร้อมสานสัมพันธ์ "ทีวี อาซาฮี" เปิดกว้างเจรจาซื้อ-ขายคอนเทนต์เสริมทัพธุรกิจ เผยปี 2559 ทีวีดิจิทัลยังเหนื่อยต่อ คาดงบฯโฆษณาโตไม่เกิน 5% จากปัญหาเศรษฐกิจ

นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้บริหารช่อง 3 ออริจินอล, ช่อง 3 เอสดี และช่อง 13 แฟมิลี่ กล่าวว่า จากนี้ไปบริษัทจะเดินหน้าปั้นช่องทีวีดิจิทัล2 ช่อง คือ ช่อง 3 เอสดีและช่อง 13 แฟมิลี่ต่อเนื่อง โดยจะเพิ่มคอนเทนต์ที่ชัดเจนให้แต่ละช่องเพื่อสร้างความแตกต่างให้แก่ทั้ง 2 ช่องและฉีกแนวทางให้แตกต่างจากช่อง 3 เอชดี หวังสร้างการจดจำและภาพลักษณ์ให้ผู้ชม รวมถึงขยายฐานผู้ชมไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น จากเดิมที่ช่อง 3 เอชดีมีฐานผู้ชมกลุ่มหลักอยู่ในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่เท่านั้น

สำหรับช่อง 3 เอสดีจะมีคอนเทนต์กีฬาระดับใหญ่ ๆ เป็นไฮไลต์ ทั้งฟุตบอลยูโร รอบสุดท้าย แข่งขันมอเตอร์ไซค์มอเตอร์จีพี ฤดูกาลที่ 2 ซึ่งบริษัทถือสิทธิอยู่แล้ว รวมถึงกีฬาอื่นที่มีความเชื่อมโยงกับคนไทย เช่น วอลเลย์บอลหญิงเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ พร้อมด้วยจุดขายเรื่องการถ่ายทอดทุกแมตช์ นอกจากนี้ยังมีรายการอื่น ๆ อาทิ ท่องเที่ยว ล่าสุดร่วมกับ "ทีวี อาซาฮี" สถานีโทรทัศน์ของญี่ปุ่น นำรายการท่องเที่ยว "ทาบิ เจแปน วิท เจมส์ จิรายุ" (Tabi JAPAN with James Jirayu) ชูจุดขายที่การถ่ายทำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งแปลกใหม่สำหรับผู้ชมไทย โดยออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 17.00-17.30 น. ตั้งแต่ 10 ม.ค. 59 เป็นต้นไป ถือเป็นรายการนำร่องให้สอดรับกับการขยายฐานผู้ชมกลุ่มแมสทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพฯมากขึ้น

นายสุรินทร์กล่าวว่า คอนเทนต์กีฬาได้เปรียบหลายอย่าง ทั้งดึงดูดผู้ชม โดยเฉพาะกรณีที่มีนักกีฬาไทยเข้าแข่ง และสามารถกระจายไปออกอากาศในช่องอื่นเพื่อแชร์ฐานผู้ชมอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีแผนประมูลสิทธิ์ฟุตบอลโลกเช่นกัน แต่ต้องอยู่ในระดับราคาที่รับได้เท่านั้น

"การจะประมูลคอนเทนต์กีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลโลกให้ได้มาแล้วคุ้มค่านั้น ต้องมีสติค่อยระวังเรื่องราคาเพราะมีความเสี่ยงมาก ทั้งบรรยากาศแข่งขันที่อาจทำให้ราคาพุ่งสูงถึง 2,000-3,000 ล้านบาทเท่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัล และผู้ชมที่จะน้อยในรอบแรก ๆ รวมถึงช่วงเวลาออกอากาศที่สั้น ดังนั้นสำหรับบริษัทแล้ว การประมูลครั้งนี้หากไม่ได้ราคาที่หวังไว้จะตัดใจทันที"

นายสุรินทร์กล่าวต่อว่า ช่อง 13 แฟมิลี่นั้นยังเน้นรายการเด็กเป็นหลัก โดยเฉพาะคอนเทนต์การ์ตูน ซึ่งจะหาพันธมิตรเพิ่มขึ้นทั้งไทยและต่างประเทศในหลากหลายลักษณะ ทั้งการซื้อ ร่วมสร้างหรือแลกเปลี่ยนคอนเทนต์ เพิ่มเติมจากเดิมที่จับมือกับเทิร์นเนอร์นำคอนเทนต์การ์ตูนเข้ามาออกอากาศ อย่างไรก็ตาม อนาคตมีแผนจะร่วมมือกับพันธมิตร "ทีวี อาซาฮี" ด้วย เนื่องจากเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์คอนเทนต์หลากหลายรวมถึงคอนเทนต์เด็กด้วย

ในส่วนของช่อง 3 เอชดีนั้น จะเดินหน้าปรับปรุงรายการข่าว เพิ่มความเข้มข้นขึ้น หวังรักษาฐานผู้ชมและรองรับคู่แข่งขันที่เพิ่มดีกรีขึ้น ขณะเดียวกันก็เพิ่มน้ำหนักให้แก่รายการในกลุ่มอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะวาไรตี้ เช่น เดอะวินเนอร์อีส (The Winner Is), แดนซ์ยัวร์แฟตออฟ (Dance Your Fat Off) เป็นต้น ส่วนรายการช่วงเสาร์-อาทิตย์ก็แข็งแกร่งขึ้น หลังจากที่ผู้จัดเดิมย้ายออกไปก่อนหน้าเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

"งบฯลงทุนปี 2559 ยังอยู่ระหว่างการวางแผน แต่มั่นใจว่าจะมากกว่าปีนี้แน่นอน เพราะจะมีรายการใหม่ ๆ เข้ามา โดยจะให้น้ำหนักกับช่อง 3 เอสดี เพื่อสร้างฐานผู้ชมกลุ่มแมส สำหรับภาพรวมรายได้ปี 2559 นั้นตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตขึ้นกว่าปีนี้ ส่วนช่อง 3 เอชดีปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ลดลง 7-8% จากปี 2557"

นายสุรินทร์กล่าวต่อว่า งบฯโฆษณาผ่านสื่อทีวีปี 2559 นั้นอาจจะโตไม่เกิน 5% เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น และเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยบวกต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เช่นผลจากนโยบายลงทุนของรัฐ สภาพการเมืองที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ต้องรอสัญญาณชัดเจนช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปี 2559 ว่าสินค้าและเอเยนซี่จะเริ่มกลับมาใช้งบฯอีกครั้งหรือไม่ หลังจากแบรนด์ใหญ่ ๆ ตัดงบฯโฆษณาลงในปลายปี 2558 จากปัญหาเศรษฐกิจ


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1450076806

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.