Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

13 ธันวาคม 2558 ดีพลัส ระบุ การทำตลาดอุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเลตภายใต้แบรนด์ "ริซซ์" (RIZZ) และพาวเวอร์แม็กซ์ (Powermax) ของบริษัทในปีนี้ยังขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจ

ประเด็นหลัก



นายอมรศักดิ์ แดงแสงทอง รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัส อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า การทำตลาดอุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเลตภายใต้แบรนด์ "ริซซ์" (RIZZ) และพาวเวอร์แม็กซ์ (Powermax) ของบริษัทในปีนี้ยังขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากสมาร์ทโฟนมีการแข่งขันด้านราคาต่อเนื่อง ทำให้มีการใช้งานแพร่หลายในต่างจังหวัดมากขึ้น แต่ตลาดรวมเติบโตลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าประเภทสายชาร์จและหูฟัง ซึ่งแบรนด์ริซซ์ในครึ่งปีแรกโตประมาณ 10% ลดลงมากเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงตั้งเป้ายอดขายในสิ้นปีนี้ที่ 600 ล้านบาท หรือโตขึ้นเพียง 10% จากปีที่ผ่านมา



ปัจจุบันแบรนด์ "ริซซ์" มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ที่กว่า 50% ในกลุ่มของอุปกรณ์เสริมที่จำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อที่มีราคาไม่เกิน 300 บาท ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ 80% ร้านค้าปลีกทั่วไป และโมเดิร์นเทรด 20% รวมแล้วมีช่องทางจัดจำหน่ายกว่า 10,000 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ





____________________________________________________________



"ดีพลัส"รุกหนักตลาดต่างจังหวัด เร่งปั๊มแชร์อุปกรณ์เสริมมือถือ



"ดีพลัส" ขาใหญ่ตลาดอุปกรณ์เสริมรับสภาพกำลังซื้อหด แต่ยังมั่นใจประคองเป้าเติบโตที่ 10% โกยรายได้รวมแตะ 1,200 ล้านบาท จากการดันอุปกรณ์เสริมมือถือ "RIZZ" บุกตลาดต่างจังหวัดผ่านเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ และเร่งสปีดเพิ่มส่วนแบ่งตลาดฟิล์มกันรอย "โฟกัส" ตั้งเป้ากวาดมาร์เก็ตแชร์ทะลุ 65% ทั้งเล็งขยายตลาดอาเซียน


นายอมรศักดิ์ แดงแสงทอง รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัส อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า การทำตลาดอุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเลตภายใต้แบรนด์ "ริซซ์" (RIZZ) และพาวเวอร์แม็กซ์ (Powermax) ของบริษัทในปีนี้ยังขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากสมาร์ทโฟนมีการแข่งขันด้านราคาต่อเนื่อง ทำให้มีการใช้งานแพร่หลายในต่างจังหวัดมากขึ้น แต่ตลาดรวมเติบโตลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าประเภทสายชาร์จและหูฟัง ซึ่งแบรนด์ริซซ์ในครึ่งปีแรกโตประมาณ 10% ลดลงมากเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงตั้งเป้ายอดขายในสิ้นปีนี้ที่ 600 ล้านบาท หรือโตขึ้นเพียง 10% จากปีที่ผ่านมา



ปัจจุบันแบรนด์ "ริซซ์" มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ที่กว่า 50% ในกลุ่มของอุปกรณ์เสริมที่จำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อที่มีราคาไม่เกิน 300 บาท ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ 80% ร้านค้าปลีกทั่วไป และโมเดิร์นเทรด 20% รวมแล้วมีช่องทางจัดจำหน่ายกว่า 10,000 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ

สำหรับรายได้ของบริษัทจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1.อุปกรณ์เสริมที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ (Rizz, Powermax) มีสัดส่วน 50% ของรายได้ และอุปกรณ์เสริมที่ไม่ใช่อิเล็กทรอนิกส์อีก 50%ได้แก่ ฟิล์ม และกระจกกันรอย ภายใต้แบรนด์ "โฟกัส" ซึ่งคาดว่าปีนี้จะเติบโตขึ้น 10% รวมรายได้ทั้ง 2 ส่วนในสิ้นปีน่าจะทำได้ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท เพราะปัจจุบันในตลาดฟิล์มกันรอย และกระจกกันกระแทก "โฟกัส" มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 60% คาดว่าในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 65%

"ปีนี้บริษัทมีการใช้งบประมาณการตลาดไปกว่า 70 ล้านบาท โดยช่องทางออนไลน์ถือเป็นช่องทางหลักในการทำการตลาดกับลูกค้าปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลุ่มต่างจังหวัด 60% และกรุงเทพฯ 40% สำหรับปีหน้าจะใช้งบประมาณเท่าปีนี้ แต่เพิ่มสัดส่วนไปยังออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มากขึ้น เน้นการสร้างการรับรู้ในแบรนด์มากขึ้น"

นอกจากนี้ ในปีหน้าจะเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศด้วย โดยปัจจุบันเข้าไปเปิดบริษัทลูกแล้วทั้งในประเทศจีน, อินโดนีเซีย และเวียดนาม รวมทั้งจับมือกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นทั้งในประเทศพม่า และลาว เป็นต้น ในภาพรวมยังอยู่ในช่วงของการศึกษาพฤติกรรมของตลาดเพื่อหาแนวทางการทำตลาดที่เหมาะสมต่อไป

"ต้องยอมรับว่าตลาดอุปกรณ์เสริมต่างๆไม่ว่าจะเป็นฟิล์มกันรอย, หูฟัง และอื่น ๆ ในปีนี้ไม่ได้คึกคักเหมือนเมื่อ 2-3 ปีก่อนหน้านี้ เพราะการเติบโตของสมาร์ทโฟนก็ทรงตัวเช่นกันจากสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อในช่วงที่ผ่านมา แต่หวังว่าจะดีขึ้นในปีหน้าแต่คงโตสัก 10% เท่าปีนี้"

นายอมรศักดิ์กล่าวว่า ปีนี้ตลาดอุปกรณ์เสริมโดยรวมในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท คาดว่าในปีหน้าจะยังมีการเติบโตได้แต่อาจไม่มากนัก ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของสมาร์ทโฟน และสมาร์ทดีไวซ์ต่าง ๆ รวมถึงปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ส่วนการมาถึงของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือระบบ 4จี ที่มีการประมูลกันในปีนี้ โดยส่วนตัวมองว่าไม่ได้สร้างความคึกคักเท่าตอนเปลี่ยนเทคโนโลยี 2จี ไปยัง 3จี ซึ่งขณะนี้มีการเติบโตจากการเปลี่ยนอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนมาก

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1449735171

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.