Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

18 ตุลาคม 2558 มร. เควิน คลาร์ค ซีอีโอ กรุ๊ปเอ็มประเทศไทยและพม่า กล่าวว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต่ำลง ทำให้ปี 2558 ถือได้ว่าเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับวงการโฆษณา บริษัทต่างๆ ส่วนใหญ่ได้ชะลอการซื้อสื่อ

ประเด็นหลัก

 มร. เควิน คลาร์ค ซีอีโอ กรุ๊ปเอ็มประเทศไทยและพม่า กล่าวว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต่ำลง ทำให้ปี 2558 ถือได้ว่าเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับวงการโฆษณา บริษัทต่างๆ ส่วนใหญ่ได้ชะลอการซื้อสื่อ ในขณะเดียวกันยอดขายยังไม่ตรงตามเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งดิจิตอลทีวีช่องใหม่ๆ ยังเพิ่งเริ่มก่อตั้งและยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนัก แต่ก็ได้เห็นการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่ดียิ่งขึ้นในหลายๆ ช่อง ในทางตรงกันข้ามเม็ดเงินสำหรับสื่อออนไลน์ ยังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกับเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือและโซเชียลมีเดียที่ดีกว่า เร็วกว่า และถูกกว่า ในขณะที่ปี 2559 ความกดดันในภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงดำเนินต่อไป เชื่อว่ามาตรการของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และช่วยให้ภาคธุรกิจไทยเข้มแข็งขึ้นในปี 2559 และมีการเติบโตที่สูงกว่าปี 2558 “คาดการณ์ว่างบโฆษณาในปี 2559 จะเติบโตขึ้นเล็กน้อย
















_______________________________________




คาดงบโฆษณาในปี 2559 จะเติบโตเล็กน้อย


„คาดงบโฆษณาในปี 2559 จะเติบโตเล็กน้อย คาดงบโฆษณาในปี 2559 จะเติบโตเล็กน้อย หลังจากที่อยู่ในระดับคงที่ในปี 2558 โดยสื่อออนไลน์จะยังคงเป็นหนึ่งในสื่อหลักที่เติบโตมากขึ้น วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2558 เวลา 10:00 น. มร. เควิน คลาร์ค ซีอีโอ กรุ๊ปเอ็มประเทศไทยและพม่า กล่าวว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต่ำลง ทำให้ปี 2558 ถือได้ว่าเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับวงการโฆษณา บริษัทต่างๆ ส่วนใหญ่ได้ชะลอการซื้อสื่อ ในขณะเดียวกันยอดขายยังไม่ตรงตามเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งดิจิตอลทีวีช่องใหม่ๆ ยังเพิ่งเริ่มก่อตั้งและยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนัก แต่ก็ได้เห็นการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่ดียิ่งขึ้นในหลายๆ ช่อง ในทางตรงกันข้ามเม็ดเงินสำหรับสื่อออนไลน์ ยังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกับเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือและโซเชียลมีเดียที่ดีกว่า เร็วกว่า และถูกกว่า ในขณะที่ปี 2559 ความกดดันในภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงดำเนินต่อไป เชื่อว่ามาตรการของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และช่วยให้ภาคธุรกิจไทยเข้มแข็งขึ้นในปี 2559 และมีการเติบโตที่สูงกว่าปี 2558 “คาดการณ์ว่างบโฆษณาในปี 2559 จะเติบโตขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่อยู่ในระดับคงที่ในปี 2558 โดยสื่อออนไลน์จะยังคงเป็นหนึ่งในสื่อหลักที่เติบโตมากขึ้นและแทนที่สื่อสิ่งพิมพ์ ลูกค้าส่วนใหญ่หันมาใช้สื่อออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยจะพยายามหาวิธีที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้ดียิ่งขึ้น และเราจะได้เห็นข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมากมายที่จะทำให้บริษัทต่างๆ สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคแต่ละคนได้อย่างตรงจุด ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดี แต่จะต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบการบริหารจัดการข้อมูลด้วยโปรแกรมและเน้นผลลัพธ์ที่แม่นยำจะมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น คาดว่าบริษัทลูกค้าจะให้ความสำคัญกับแคมเปญที่มีกลเม็ดที่น่าสนใจ เพื่อที่จะกระตุ้นยอดขายและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้และจะโฟกัสมากขึ้นในผลงานและผลตอบแทนในการลงทุนที่สามารถวัดผลได้ มร.คลาร์ค กล่าว “เทรนด์ของสื่อต่างๆ ในปี 2559 ทำให้เรามองย้อนกลับไปในอดีตว่าหลายปีที่ผ่านมาได้กระตุ้นให้ลูกค้าของเราทดลองใช้ “สื่อใหม่ๆ” ซึ่งวันนี้เป็นเพียงสื่อๆ หนึ่งเท่านั้น เราเป็นบริษัทแรกที่มีข้อมูลเรตติ้งเชิงลึก และแนะนำให้ลูกค้าเข้าไปลงสื่อในช่องเคเบิ้ล ดาวเทียม และดิจิตัลทีวี อีกทั้งลูกค้าของเราจะใช้สื่อออนไลน์มากกว่าในวงการทั้งหมด นั่นเป็นเพราะเราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะเข้าใจให้มากยิ่งขึ้นว่าวิธีการแบบใดจะเหมาะสมสำหรับวันนี้ เทรนด์แบบไหนกำลังจะมาเพื่อให้เราสามารถนำเสนอสิ่งใหม่ๆ และสร้างความได้เปรียบที่แตกต่างสำหรับลูกค้าของเรา โดยเราเป็นบริษัทแรกที่ตั้งทีมซื้อสื่อออนไลน์แบบ “โปรแกรมเมตริก” ภายใต้ชื่อ ‘แซสซิส’ (Xaxis) ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการเลือกเว็บไซต์และชิ้นงานโฆษณาที่เหมาะสม และเจาะจงสำหรับแต่ละบุคคล ซึ่งจะทำให้ลูกค้าของเราสามารถเลือกใช้สื่ออย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และในปี 2559 นี้ เราจะตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสื่อดิจิตอลของเราด้วยการนำเสนอบริการใหม่ที่จะเน้นใน 2 บริการ บริการแรกคือการทำการตลาดที่วัดผลได้ (performance marketing) โดยอาศัยข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อนำมาปรับรูปแบบการใช้สื่อแบบทันที และบริการที่สองคือ เนทิฟ มาเก็ตติ้ง (native & content marketing) ซึ่งจะนำโฆษณาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาของเว็บเพจนั้นๆ อีกทั้งการควบรวมกิจการกับบริษัท โวแคนนิค (Vocanic) ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดีย และการบริหารจัดการลูกค้า (CRM) เมื่อเร็วๆ นี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับลูกค้าเพราะผู้บริโภคชาวไทยนิยมใช้โซเชียลมีเดียเป็นอย่างมากในชีวิตประจำวัน” มร.คลาร์ค กล่าว ส่วนแนวโน้มของสื่อต่างๆ มร.คลาร์ค ระบุเกี่ยวกับเทรนด์ของสื่อช่องทางต่างๆ ว่า สำหรับสื่อทีวีจะมีดิจิตอลทีวีบางช่องที่จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2559 สำหรับสื่อออนไลน์จะมีการเติบโตอย่างมาก แต่อัตราการเติบโตสำหรับการโฆษณาผ่านกูเกิลและเฟซบุ๊กอาจจะลดน้อยลงเนื่องจากลูกค้าเริ่มเห็นโอกาสที่ดี แต่ยังถูกมองข้ามอยู่ในการทำโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มของไทย เรากำลังทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มไทยเหล่านี้ เพื่อให้ลูกค้าหันมาให้การสนับสนุนการใช้สื่อเหล่านี้ด้วยไม่เพียงใช่แค่ใช้สื่อใหญ่ระดับโลกเท่านั้น สำหรับสื่อสิ่งพิมพ์นั้น เราน่าจะเห็นการลดลงของสื่อสิ่งพิมพ์แบบดั้งเดิม “สำหรับสื่อดิจิตอลทีวี เรายังเห็นโอกาสในการเติบโตอีกมาก แต่จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นและมีการแข่งขันที่สูงขึ้นเช่นกัน สถานีโทรทัศน์ช่องที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้วและจะยังคงได้รับการตอบรับที่ดี คือช่องที่มีแนวทางและกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยจะสามารถระบุและนำเสนอเนื้อหาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายของตนได้ ส่วนช่องที่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คือช่องที่ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน และพยายามจะดึงดูดผู้ชมในวงกว้าง และทีวีอนาล็อก 2 ช่องหลัก จะยังคงความแข็งแกร่งต่อไป อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสสำหรับทีวีดิจิตัลช่องใหม่ๆ ที่จะมุ่งเน้นเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างความแตกต่าง โดยทีมของกรุ๊ปเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ได้ร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์บางช่อง เพื่อช่วยระบุกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับช่อง ระบุเนื้อหาที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมาย และช่วยวางรูปแบบรายการที่บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพหรือบางกรณีอาจใช้เนื้อหาที่สำเร็จรูปแล้ว” มร.คลาร์ค กล่าว มร.คลาร์ค กล่าวว่า เนื่องจากความผันผวนทางเศรษฐกิจยังคงเห็นการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังของบริษัทต่างๆ แม้ว่าตลาดโดยรวมอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น แต่ยังคงดีขึ้นไม่มากนัก อีกทั้งเรายังไม่เห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคาค่าสื่อโดยรวม อย่างไรก็ตามจากการที่ผู้ชมเปิดรับสื่อหลากหลายมากขึ้น ทั้งในดิจิตัลทีวีและออนไลน์ ทำให้ระดับราคาน่าจะสูงขึ้นได้บ้าง แต่น่าจะไม่เกิน 5% สำหรับการวัดเรตติ้งแบบมัลติสกรีนที่นำเสนอโดย MAAT และ MRB นั้น ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการโฆษณา ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานการวัดเรตติ้งให้มีมาตรฐานเดียวกันสำหรับสื่อทีวีและวิดีโอออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นโครงการ เราหวังว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งผู้ซื้อโฆษณาและเอเจนซี่ จะได้ข้อสรุปร่วมกัน และสนับสนุนไปในแนวทางเดียวกัน โดยเราจะมีเสวนา ในวันที่ 2 ของการประชุมเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นนี้ และผมมั่นใจว่าทาง MAAT และ MRB จะได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนี้ต่อไป“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/it/352764


ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.