Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

27 กันยายน 2558 Michael Shaulov หัวหน้าฝ่ายโมบิลิตีของ Check Point เผยว่า แฮกเกอร์ได้ใช้เทคนิคหลายประการที่ทำให้ Google Bouncer ไม่สามารถตรวจจับมัลแวร์เหล่านี้ได้เจอ เช่น พวกมันสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเมื่อใดที่ Bouncer กำลังทำงานอยู่ มัลแวร์ก็จะอยู่อย่างสงบนิ่ง ไม่ออกมากวนใจให้จับได้นั่นเอง

ประเด็นหลัก


        วันก่อนเป็นแอปเปิลที่ออกมาประกาศตรวจสอบแอปใน App Store อย่างเข้มงวด หลังพบว่ามีนักพัฒนาบางส่วนถูกหลอกให้ใช้ซอฟต์แวร์พัฒนาแอปสำหรับ iOS และแมคตัวปลอมไปแล้ว มาวันนี้ถึงทีของกูเกิล (Google) ที่ตกเป็นเหยื่อกันบ้าง โดยในกรณีของกูเกิลนี้พบว่า มีทีมแฮกเกอร์ชาวจีนส่งมัลแวร์ออกเล่นงานแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ ซึ่งคาดว่าอาจสร้างความเสียหายอย่างน้อย 200,000 เครื่องแล้ว
   
       ความพยายามของแฮกเกอร์กลุ่มดังกล่าวมีตั้งแต่การลอบส่งแอปที่มีมัลแวร์เข้าไปใน Google Play ในชื่อ Brain Test App โดยแอปดังกล่าวจะเปิดแบ็กดอร์ให้กับมัลแวร์ตัวอื่นๆ ได้เข้ามาเล่นงานในภายหลังด้วย ซึ่งบริษัทด้านซิเคียวริตีอย่าง Check Point ได้ออกมาเผยว่า ต้องใช้กระบวนการที่ยุ่งยากในการกำจัดมัลแวร์เหล่านั้น และคาดว่ามีสมาร์ทโฟนบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ตกเป็นเหยื่อมัลแวร์จากแอป Brain Test แล้วกว่า 1 ล้านเครื่อง
   
       โดย Michael Shaulov หัวหน้าฝ่ายโมบิลิตีของ Check Point เผยว่า แฮกเกอร์ได้ใช้เทคนิคหลายประการที่ทำให้ Google Bouncer ไม่สามารถตรวจจับมัลแวร์เหล่านี้ได้เจอ เช่น พวกมันสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเมื่อใดที่ Bouncer กำลังทำงานอยู่ มัลแวร์ก็จะอยู่อย่างสงบนิ่ง ไม่ออกมากวนใจให้จับได้นั่นเอง
   
       อย่างไรก็ดี เมื่อเทคนิคในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากกูเกิลของ BrainTest เวอร์ชันหนึ่งได้ถูกตรวจพบ และถูกลบออกจากกูเกิลเพลย์เมื่อ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา แฮกเกอร์กลุ่มนี้ก็ได้ใช้โปรไฟล์ของนักพัฒนารายใหม่ลอบส่งแอปกลับเข้าไปในกูเกิลเพลย์อีกครั้ง อีกทั้งยังใช้เครื่องมือของไป่ตู้ (Baidu) หลอกไม่ให้กูเกิลตรวจจับได้ด้วย














____________________________________________







“กูเกิลเพลย์” โดนด้วย แฮกเกอร์เล่นงานซ้ำรอย App Store



        วันก่อนเป็นแอปเปิลที่ออกมาประกาศตรวจสอบแอปใน App Store อย่างเข้มงวด หลังพบว่ามีนักพัฒนาบางส่วนถูกหลอกให้ใช้ซอฟต์แวร์พัฒนาแอปสำหรับ iOS และแมคตัวปลอมไปแล้ว มาวันนี้ถึงทีของกูเกิล (Google) ที่ตกเป็นเหยื่อกันบ้าง โดยในกรณีของกูเกิลนี้พบว่า มีทีมแฮกเกอร์ชาวจีนส่งมัลแวร์ออกเล่นงานแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ ซึ่งคาดว่าอาจสร้างความเสียหายอย่างน้อย 200,000 เครื่องแล้ว
     
       ความพยายามของแฮกเกอร์กลุ่มดังกล่าวมีตั้งแต่การลอบส่งแอปที่มีมัลแวร์เข้าไปใน Google Play ในชื่อ Brain Test App โดยแอปดังกล่าวจะเปิดแบ็กดอร์ให้กับมัลแวร์ตัวอื่นๆ ได้เข้ามาเล่นงานในภายหลังด้วย ซึ่งบริษัทด้านซิเคียวริตีอย่าง Check Point ได้ออกมาเผยว่า ต้องใช้กระบวนการที่ยุ่งยากในการกำจัดมัลแวร์เหล่านั้น และคาดว่ามีสมาร์ทโฟนบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ตกเป็นเหยื่อมัลแวร์จากแอป Brain Test แล้วกว่า 1 ล้านเครื่อง
     
       โดย Michael Shaulov หัวหน้าฝ่ายโมบิลิตีของ Check Point เผยว่า แฮกเกอร์ได้ใช้เทคนิคหลายประการที่ทำให้ Google Bouncer ไม่สามารถตรวจจับมัลแวร์เหล่านี้ได้เจอ เช่น พวกมันสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเมื่อใดที่ Bouncer กำลังทำงานอยู่ มัลแวร์ก็จะอยู่อย่างสงบนิ่ง ไม่ออกมากวนใจให้จับได้นั่นเอง
     
       อย่างไรก็ดี เมื่อเทคนิคในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากกูเกิลของ BrainTest เวอร์ชันหนึ่งได้ถูกตรวจพบ และถูกลบออกจากกูเกิลเพลย์เมื่อ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา แฮกเกอร์กลุ่มนี้ก็ได้ใช้โปรไฟล์ของนักพัฒนารายใหม่ลอบส่งแอปกลับเข้าไปในกูเกิลเพลย์อีกครั้ง อีกทั้งยังใช้เครื่องมือของไป่ตู้ (Baidu) หลอกไม่ให้กูเกิลตรวจจับได้ด้วย
     
       Shaulov ระบุว่า การใช้เครื่องมือของไป่ตู้นั้นชี้ให้เห็นว่าแฮกเกอร์กลุ่มนี้เป็นชาวจีน
     
       ด้าน Adolfo Lorente จากทีม ElevenPaths ได้ออกมาเปิดเผยว่า สามารถระบุตัวตนทีมแฮกเกอร์กลุ่มนี้ได้จากข้อมูลด้านเทคนิคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น การพบว่า มัลแวร์ทั้งหมดมีการใช้งานแอปโมบายล์ชื่อ “Umeng” ที่มีเจ้าของเป็นเว็บไซต์สัญชาติจีนยักษ์ใหญ่ “อาลีบาบา” (Alibaba) อีกทั้งยังพบว่า ทั้งหมดใช้ข้อมูลในการยืนยันตัวตนชุดเดียวกันเพื่อเข้าสู่ระบบ และมีการส่งโฆษณาเข้ามาหลอกล่อให้คลิกอย่างหนักเพื่อสร้างรายได้ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการเชื่อมโยงไปถึงชื่อ “zhtiantian” ด้วย
     
       แอปที่มีรายชื่ออยู่ในกลุ่มถูกลบ ได้แก่ Candy Crazy 2015, Save Eyes, Tiny Puzzle และ Crazy Jelly ซึ่งพัฒนาขึ้นระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน-9 กันยายน โดยทั้งหมดถูกลบออกจากกูเกิลเพลย์แล้ว
     
       “ผมพนันได้ว่า มีโปรไฟล์ของนักพัฒนาชาวจีนจำนวนมากอยู่ในมือของแฮกเกอร์เหล่านี้ และพวกเขาพยายามที่จะปรับแอปให้กระจาย Adware ให้มากที่สุด รวมถึงเก็บข้อมูลจากเครื่องที่ส่งมัลแวร์ลงไปติดตั้งด้วย” Lorente กล่าว
     
       ด้านกูเกิล ระบุว่า แอปพลิเคชันที่มีปัญหานั้นถูกลบออกไปแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยว่ามีการพบตัวใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกหรือไม่





http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000106935&utm_source=MadMimi&utm_medium=email&utm_content=Manager+Morning+Brief+23-9-58&utm_campaign=20150922_m127484062_Manager+Morning+Brief+23-9-58&utm_term=_E2_80_9C_E0_B8_81_E0_B8_B9_E0_B9_80_E0_B8_81_E0_B8_B4_E0_B8_A5_E0_B9_80_E0_B8_9E_E0_B8_A5_E0_B8_A2_E0_B9_8C_E2_80_9D+_E0_B9_82_E0_B8_94_E0_B8_99_E0_B8_94_E0_B9_89_E0_B8_A7_E0_B8_A2+_E0_B9_81_E0_B8_AE_E0_B8_81_E0_B9_80_E0_B8_81_E0_B8_AD_E0_B8_A3_E0_B9_8C_

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.