Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

14 กรกฎาคม 2558 (บทความ) เบื้องหลังซีอีโอทวิตเตอร์ลาออก !!(Cyber Weekend) // นักวิเคราะห์เชื่อว่า ทวิตเตอร์ยอมทิ้งจุดเด่นของตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ และนักลงทุน โดยความยาวข้อความ DM ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ผู้ใช้ได้รับข่าวสารความยาวพิเศษ จุดนี้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเพื่องดรับข้อความ DM ยาวยืดได้หากไม่ต้องการ

ประเด็นหลัก


       ในวันเดียวกับการประกาศลาออกของซีอีโอ ทวิตเตอร์ก็ได้ประกาศยกเลิกข้อกำหนดให้ผู้ใช้ส่งข้อความถึงกันโดยตรง หรือดีเอ็ม (direct message) ได้เพียง 140 ตัวอักษร เปลี่ยนเป็นการส่งข้อความได้สูงสุด 10,000 ตัวอักษร ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลในช่วงเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้จะยังไม่ครอบคลุมระบบการส่งข้อความทวีต (Tweet) ทั่วไป โดยทวิตเตอร์จะยังจำกัดจำนวนตัวอักษรในการทวีตไว้ที่ 140 ตัวอักษรเช่นเดิม
     
       เบื้องต้น นักวิเคราะห์เชื่อว่า ทวิตเตอร์ยอมทิ้งจุดเด่นของตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ และนักลงทุน โดยความยาวข้อความ DM ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ผู้ใช้ได้รับข่าวสารความยาวพิเศษ จุดนี้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเพื่องดรับข้อความ DM ยาวยืดได้หากไม่ต้องการ
   










____________________________________




เบื้องหลังซีอีโอทวิตเตอร์ลาออก !!(Cyber Weekend)




        การประกาศลาออกของดิค คอสโทโล (Dick Costolo) ซีอีโอทวิตเตอร์ (Twitter) กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของสื่อในแวดวงเทคโนโลยีแทบทุกหัว และด้วยข่าวนี้ได้ทำให้หุ้นของบริษัทที่ซบเซามานานพุ่งขึ้นถึง 7 % สะท้อนให้เห็นถึงบางสิ่งในการตัดสินใจครั้งนี้ได้ดี โดยเฉพาะในฟากนักลงทุนที่อาจมองว่านี่เป็นข่าวที่พวกเขาเฝ้ารอมานาน ซึ่งเบื้องหลังการลาออกครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการควบรวมกิจการ
     
       โดยทางทวิตเตอร์ได้มีการทวีตแจ้งข่าวนี้ออกไป พร้อมกันนั้น ก็ได้มีข้อความต้อนรับ 'แจ็ค ดอร์ซีย์' (Jack Dorsey) ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ในฐานะรักษาการซีอีโอเข้ามาทำหน้าที่แทน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป (คอสโทโล นั้นจะไปดำรงตำแหน่งบอร์ดของทวิตเตอร์) และหลังจากนี้ ทางทวิตเตอร์จะมีการตั้งคณะกรรมการสรรหาซีอีโอผู้มาดำรงตำแหน่งคนใหม่ โดยมีเกณฑ์ว่าจะเป็นคนนอก หรือคนในองค์กรก็ได้ แต่ต้องรัก 'ทวิตเตอร์' เป็นชีวิตจิตใจนั่นเอง
     
       ฟากผู้ใช้ทวิตเตอร์ก็เริ่มมีเสียงเรียกร้องขอซีอีโอ 'ผู้หญิง' เข้ามารับหน้าที่บริหารทวิตเตอร์บ้างแล้ว โดยใจความหลักของการเรียกร้องนี้คือ การต้องการสร้างความหลากหลายในองค์กร พร้อมกันนั้น ได้มีการยกตัวอย่างชื่อของหญิงแกร่งในแวดวงเทคโนโลยีอย่าง 'เชอร์รีล แซนเบิร์ก' ผู้บริหารระดับสูงของเฟซบุ๊ก (Facebook) ว่า เป็นตัวอย่างที่น่าจะเหมาะสมต่อตำแหน่งซีอีโอของทวิตเตอร์ด้วย ซึ่งในจุดนี้ต้องรอดูต่อไปว่า คณะกรรมการสรรหาของทวิตเตอร์จะฟังเสียงจากผู้ใช้งานหรือไม่ด้วย
     
       ส่วนสาเหตุสำคัญที่นำมาสู่การประกาศลาออกในครั้งนี้คือ การพลาดเป้าด้านตัวเลขผู้ใช้งานของทวิตเตอร์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยบริษัทพลาดจากเป้าหมายที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น และประกาศว่ามีตัวเลขขาดทุน 162 ล้านเหรียญสหรัฐ ความผิดพลาดในครั้งนั้นทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทลดฮวบลงถึง 30 % อีกทั้งยังถูกนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า ทวิตเตอร์อาจมีปัญหาด้านความสามารถในการเติบโตเสียแล้ว โดย eMarketer ได้มีการประมาณการตัวเลขผู้ใช้งานของทวิตเตอร์ว่าเติบโตอยู่ที่ 14.1 % ต่อเดือน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ลดลงเมื่อเทียบกับเมื่อ 2 ปีก่อน ที่อัตราการเติบโตอยู่ที่ 30 % เลยทีเดียว และในปี ค.ศ.2019 eMarketer คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของผู้ใช้ทวิตเตอร์จะเหลือแค่ 6 % เท่านั้นด้วย
     
       สิ่งที่น่าสนใจหลังการสมัครใจลาออกเองของ ดิค คอสโทโล นั้นคือ การเปิดเผยเอกสารที่ระบุว่า เขาพลาดโอกาสรับเงินชดเชยก้อนใหญ่ไปอย่างน่าเสียดาย โดยหากเขาถูกไล่ออกเขาจะได้รับเงินชดเชยมูลค่า 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐจากบริษัท แต่ถ้าทวิตเตอร์ 'ขายกิจการ' คอสโทโล ในฐานะซีอีโออาจได้รับเงินชดเชยสูงถึง 25 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ส่วนการลาออกเองนั้นพบว่า เขาจะไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ เลย แม้กระทั่งหุ้นของบริษัทก็ถูกยกเลิกไปด้วย
     
       อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Business Insider ระบุว่า เขายังมีหุ้นของทวิตเตอร์ที่ถือครองเอาไว้ก่อนหน้านี้อีกประมาณ 8 ล้านหุ้น ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย
     
       สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งหลังการลาออกของซีอีโอคนปัจจุบันก็คือ การตอกย้ำข่าวลือที่ว่า ทวิตเตอร์อาจอยู่ในระหว่างการมองหาเจ้าของกิจการคนใหม่เข้ามาดูแลแทน และชื่อของผู้ที่ให้ความสนใจก็คือ 'กูเกิล' (Google) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีนั่นเอง
     
       ด้วยมูลค่าตลาดที่สูงถึง 24 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทวิตเตอร์กลายเป็นบริษัทที่ยากจะถูกซื้อกิจการได้โดยบริษัทขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก ผู้ที่มีศักยภาพที่จะซื้อทวิตเตอร์ได้อย่างน้อยจึงต้องเป็นบรรดาบิ๊กเนมทั้งหลาย และนิวยอร์กไทม์ ก็ได้เคยรายงานว่า บิ๊กเนมอย่าง 'กูเกิล' คือผู้แสดงออกว่าสนใจจะซื้อกิจการทวิตเตอร์
     
       เหตุผลที่ทำให้กูเกิลสนใจทวิตเตอร์ ส่วนหนึ่งมาจาก 'Google+' ไม่ประสบความสำเร็จในโลกโซเชียลมีเดีย จนทำให้ Vic Gundotra บอสของ Gooble+ ต้องถอนตัวออกไป และกูเกิลก็ตัดสินใจหั่นฟีเจอร์บางตัวของ Google+ แยกออกมาเป็นบริการแบบสแตนด์อะโลน เช่น Google Photos ในงาน Google I/O 2015 ที่ผ่านมา
     
       การผนึกกำลังกับทวิตเตอร์จะช่วยให้กูเกิลสามารถพัฒนาความสามารถด้านโฆษณาให้ทวิตเตอร์ไล่ตาม 'เฟซบุ๊ก' ได้ทัน และกลายเป็นขุมทรัพย์แหล่งใหม่ของกูเกิลอีกตัวหนึ่ง โดยในปัจจุบัน ทวิตเตอร์มีส่วนแบ่งตลาดโฆษณาบนอินเทอร์เน็ตของสหรัฐอเมริกาเพียง 3.6 %เท่านั้น ส่วนเฟซบุ๊ก มีส่วนแบ่งถึง 18.5 % (กูเกิลครองอันดับหนึ่งที่ 36.9 %)

เบื้องหลังซีอีโอทวิตเตอร์ลาออก !!(Cyber Weekend)

        ***เปลี่ยนนโยบาย?
     
       ในวันเดียวกับการประกาศลาออกของซีอีโอ ทวิตเตอร์ก็ได้ประกาศยกเลิกข้อกำหนดให้ผู้ใช้ส่งข้อความถึงกันโดยตรง หรือดีเอ็ม (direct message) ได้เพียง 140 ตัวอักษร เปลี่ยนเป็นการส่งข้อความได้สูงสุด 10,000 ตัวอักษร ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลในช่วงเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้จะยังไม่ครอบคลุมระบบการส่งข้อความทวีต (Tweet) ทั่วไป โดยทวิตเตอร์จะยังจำกัดจำนวนตัวอักษรในการทวีตไว้ที่ 140 ตัวอักษรเช่นเดิม
     
       เบื้องต้น นักวิเคราะห์เชื่อว่า ทวิตเตอร์ยอมทิ้งจุดเด่นของตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ และนักลงทุน โดยความยาวข้อความ DM ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ผู้ใช้ได้รับข่าวสารความยาวพิเศษ จุดนี้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเพื่องดรับข้อความ DM ยาวยืดได้หากไม่ต้องการ
     
       ***'The Return of Jack Dorsey'
     
       ส่วนการกลับมารับหน้าที่รักษาการซีอีโอของ แจ็ค ดอร์ซีย์ นั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ทวิตเตอร์จะน่าติดตามไม่ใช่น้อย เพราะทุกวันนี้เขากลายเป็นเจ้าของทรัพย์สินมูลค่า 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และได้ครอบครองบ้านพักสุดหรูริมทะเลในซานฟรานซิสโก มูลค่า 9.9 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องรับตำแหน่งดังกล่าว เพราะเขาคือผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ ร่วมกับ บิซ สโตน (Biz Stone) และอีวาน วิลเลี่ยมส์ (Evan Williams) และรับหน้าที่ซีอีโอ เมื่อปี ค.ศ.2006 หรือ 9 ปีก่อนหน้านี้
     
       โดยการเป็นซีอีโอในยุคแรกเริ่มของทวิตเตอร์ ดอร์ซีย์ ในวัย 30 ปีต้นๆ ได้รับคำวิจารณ์จากหลายฝ่ายมากมาย ซึ่งส่วนมากเป็นไปในทิศทางที่ว่า เขาเป็นคนเก่ง มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ยังไม่ใช่สำหรับงานบริหาร
     
       สุดท้ายเขาได้ออกจากบริษัทไปเมื่อปี ค.ศ.2008 และไปสร้างบริษัท Square ผู้ให้บริการการทำธุรกรรมทางการเงินซึ่งเขารับหน้าที่ซีอีโอ ดังนั้น การรับหน้าที่รักษาการซีอีโอที่ทวิตเตอร์นั้น ทำให้เขาต้องควบตำแหน่งซีอีโอทั้ง 2 บริษัทเลยทีเดียว
     
       แม้จะเป็นเศรษฐีพันล้าน แต่ไลฟ์สไตล์ของ มร.ดอร์ซีย์ ยังคงไม่ต่างจากคนทั่วไป เขาเคยแม้แต่นั่งรถเมล์ไปทำงาน ซึ่งเขาเผยว่า เหตุที่ทำเช่นนั้นเพราะต้องการศึกษาความเป็นไปของตลาด การขึ้นรถเมล์ทำให้เขาได้เห็นว่ามีคนใช้งานอินสตาแกรมมากขึ้น รวมถึงแอปอย่าง Vine และ Snapchat ก็เช่นกัน นอกจากนั้น ยังได้เปรียบเทียบการใช้งานระหว่างเฟซบุ๊กกับทวิตเตอร์อีกด้วย
     
       *** ไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่น่าสนใจของ 'แจ็ค ดอร์ซีย์'
     
       - ชอบศิลปะ และงานออกแบบ
       - ชอบการบิน
       - มักโพสต์ภาพถ่ายลงบนทวิตเตอร์เสมอๆ
       - แอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ของแจ็ค ดอร์ซีย์ มีผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคน
       - มีรูปแบบการรับประทานอาหารที่ค่อนข้างชัดเจน โดยทุกวันจันทร์เขาจะไปที่ร้าน Aziza วันอังคารไปที่ร้าน Zuni วันพุธไปที่ร้าน Mint วันพฤหัสไปที่ร้าน Tiburon
       - ได้รับการยกย่องว่าเป็นชาวเทคโนโลยีที่แต่งกายมีสไตล์มากที่สุดรายหนึ่ง


http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000069129&utm_source=MadMimi&utm_medium=email&utm_content=Manager+Morning+Brief+22-6-58&utm_campaign=20150621_m126280980_Manager+Morning+Brief+22-6-58&utm_term=_E0_B9_80_E0_B8_9A_E0_B8_B7_E0_B9_89_E0_B8_AD_E0_B8_87_E0_B8_AB_E0_B8_A5_E0_B8_B1_E0_B8_87_E0_B8_8B_E0_B8_B5_E0_B8_AD_E0_B8_B5_E0_B9_82_E0_B8_AD_E0_B8_97_E0_B8_A7_E0_B8_B4_E0_B8_95_E0_B9_80_E0_B8_95_E0_B8_AD_E0_B8_A3_E0_B9_8C_E0_B8_A5_E0_B8_B2_E0_B8_AD_E0

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.