Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

23 เมษายน 2558 (บทความ) รักใหม่ของ "เฮียฮ้อ" เจ้าพ่ออาร์เอส จุดไฟลุกโชนอีกครั้ง!! // ต้องบอกว่าช่อง 8 ประสบความสำเร็จค่อนข้างเร็ว เราเป็นรายเดียวในจำนวน 24 ช่อง ประมูลทีวีดิจิตอล ที่ได้กำไรตั้งแต่ปีแรก!!

ประเด็นหลัก



อาคารเชษฐโชติศักดิ์ 2
ผลตอบรับจากการทุ่มเทปลุกปั้นธุรกิจทีวีน่าชื่นใจไหม

ต้องบอกว่าช่อง 8 ประสบความสำเร็จค่อนข้างเร็ว เราเป็นรายเดียวในจำนวน 24 ช่อง ประมูลทีวีดิจิตอล ที่ได้กำไรตั้งแต่ปีแรก!! และภายในเวลาไม่ถึงปี ช่อง 8 ก็สามารถก้าวขึ้นเป็นที่ 4 ของทีวีระดับประเทศ เป้าหมายของผมคือภายในปีนี้จะต้องผลักดันให้ช่อง 8 เป็นที่สามของประเทศ ซึ่งผมมั่นใจว่าเราทำได้ เป็นอะไรที่ท้าทายผม เป้าหมายขององค์กรจะเป็นเป้าหมายของผมคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องมีเป้าหมายเดียวกัน อาร์เอสต้องชนะในเกมนี้ให้ได้

อะไรคืออาวุธลับที่ทำให้ “ช่อง 8” ประสบความสำเร็จรวดเร็ว

ธุรกิจทีวีแข่งขันดุเดือดมาก ต้องอาศัยประสบการณ์ที่แม่นยำ ไม่มีเวลาให้ลองผิดลองถูก เพราะธุรกิจนี้ไม่ใช่สนามเด็กเล่นสำหรับมือใหม่ ยิ่งลองผิดลองถูกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสียหายเท่านั้น เมื่อคุณแม่นยำก็ไม่ต้องเสียเงินและเสียเวลา เพราะยิงไปแล้วเข้าเป้า ผมกำหนดกลุ่มเป้าหมายของช่อง 8 ชัดเจน เราจับตลาดแมส ทั้งคนกรุง คนเมือง และคนต่างจังหวัด คอนเทนต์หลักที่จะบุกตลาดคือละคร เราทำแนวตบจูบละครแซ่บๆ เพราะเชื่อว่ากลุ่มเป้าหมายเราน่าจะชอบ และเราเองก็ถนัด นอกจากนี้ก็ต้องมีรายการวาไรตี้ มีรายการกีฬาที่คนไทยชอบ เช่น ฟุตบอลและมวย รวมถึงรายการข่าวก็ต้องไม่หนัก เป็นข่าวชาวบ้านไม่เครียด



_____________________________________________________













รักใหม่ของ "เฮียฮ้อ" เจ้าพ่ออาร์เอส จุดไฟลุกโชนอีกครั้ง!!

ไม่ต้องแปลกใจนะคะ ถ้าพักนี้จะเห็น “เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ดูหนุ่มขึ้นเป็นกอง ทั้งๆที่อายุย่าง 53 ปีแล้ว เพราะเจ้าพ่ออาร์เอสกำลังมีรักใหม่...อุ๊บส์!! ไม่ได้นอกใจ “ซ้อแต๋น” ไปกิ๊กกั๊กสาวที่ไหน แต่รักใหม่ที่ทำให้เฮียกระชุ่มกระชวยมีไฟลุกโชนขึ้นอีกครั้งคือ การได้ปลุกปั้นธุรกิจใหม่ “ทีวีดิจิตอล ช่อง 8” ซึ่งเต็มไปด้วยการแข่งขันขับเคี่ยวรุนแรง และท้าทายบีบคั้นหัวใจสุดๆ จนเฮียเลือดสูบฉีด แก้มแดงเป็นลูกตำลึง

จริงไหมคะ ก่อนจะมาทำทีวี “เฮียฮ้อ” วางแผนเตรียมรีไทร์แล้ว

อาร์เอสเปิดมา 33-34 ปี ผมทำอาร์เอสตั้งแต่อายุ 20 ปี ถ้าวันนี้อาร์เอสไม่ได้ก้าวเข้ามาทำธุรกิจสื่อทีวี ผมก็วางแผนจะเกษียณตัวเองอยู่แล้วตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน เพราะว่าธุรกิจบันเทิงและเพลงทำถึงจุดนี้มันหมดความท้าทายแล้วสำหรับผม การทำธุรกิจเราก็ไม่ได้มองเรื่องเงินอย่างเดียว พอทำถึงจุดหนึ่งอายุประมาณนี้ ผมต้องการอะไรที่มันสนุกและท้าทาย เมื่อได้เข้ามาทำสื่อทีวี ไม่ว่าจะเป็นทีวีดิจิตอล ช่อง 8 หรือทีวีดาวเทียม ช่อง 2, ช่องสบายดีทีวี และช่องยูแชนแนล โดยเฉพาะทีวีดิจิตอล วันนี้การแข่งขันสูงมาก เป็นอะไรที่ลงทุนสูงมาก จึงท้าทายเรามาก มันเป็นงานใหญ่มาก พูดตรงๆคือ 3 ปีที่ผ่านมาที่ได้ลุยธุรกิจทีวี ผมชอบมากๆ มันทำให้เลือดสูบฉีด ทำให้ชีวิตการทำงานของผมกลับมาลุกโชน!! ผมสนุกกับการทำทีวีมาก สนุกกับการใช้ความคิด สนุกกับการทำงานกับทีม สนุกกับการแก้ปัญหา สนุกกับการแข่งขัน ยิ่งพอทำแล้วฟีดแบ็กดียิ่งสนุก



ทีวีดิจิตอล ช่อง 8
เรียกว่าสื่อทีวีเป็นธุรกิจที่ถูกนิสัยของ “เฮียฮ้อ” เลย?

ใช่ (หัวเราะ) ทำปุ๊บรู้ปั๊บ เช็กได้วันต่อวันเลยว่าดีไม่ดี ถ้าไม่ดีก็แก้ไขเลย ที่นี่จะทำงานเร็ว ถ้าแก้แล้วยังไม่ดีอีก ผมเลิกเลย ผมจะเปลี่ยนรายการเลย ผมทำธุรกิจมาขนาดนี้มีผิดก็เยอะ เป็นเรื่องธรรมดา ที่สำคัญคือผิดแล้วต้องยอมรับผิดและรีบแก้ ไม่ใช่เก็บซุกไว้นานๆ จนกลายเป็นดันทุรัง ถึงเวลานั้นก็แก้ไขไม่ทัน เราต้องมองให้ละเอียดและชัดเจน อะไรไม่ดีก็ต้องเลิกซะ ส่วนอะไรที่ดีก็ทำต่อ การทำทีวียุคนี้จะเอาความชอบของตัวเราเป็นเกณฑ์ไม่ได้ ต้องเอาผู้บริโภคเป็นหลัก ผมมีแนวทางของตัวเองชัดเจนคือ เอาลูกค้าเป็นตัวตั้ง ลูกค้าชอบคือดี เราชอบไม่ชอบไม่เกี่ยว

กว่าจะมาเป็นเจ้าพ่ออาร์เอส “เฮียฮ้อ” สร้างเนื้อสร้างตัว มาเหนื่อยยากขนาดไหน

ผมเรียนจบแค่ มศ.5 จากโรงเรียนสีตบุตรบำรุง โตมาแถวโคลีเซี่ยม เป็นเด็กเกเรสอบตกตลอด พอพี่ชายคนโต “เฮียจั๊ว” ออกมาเปิดธุรกิจเล็กๆ “Rose Sound” อัดเพลงจากแผ่นเสียงลงตลับเทปขาย ผมเลยออกจากโรงเรียนมาช่วยพี่ชาย ผมชอบทำงานตั้งแต่เด็ก จะคิดอย่างเดียวคืออยากรวย!! เพราะครอบครัวยากจน พ่อเป็นช่างทาสี และแม่เป็นแม่บ้าน ผมเป็นคนสุดท้ายเสมอที่โดนทวงค่าเล่าเรียน สิ่งเหล่านี้มันฝังหัว ความที่เป็นเด็กขาด ทำให้ต้องขวนขวายทุกอย่างเอง จากเดิมที่อัดเทปขาย พอตอนหลังมีกฎหมายลิขสิทธิ์เพลงเข้ามา เราเลยต้องสร้างศิลปินเองและเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น RS Sound โดยศิลปินยุคแรกของอาร์เอส ก็มีวงอินทนิล, คีรีบูน, บรั่นดี, ฟรุตตี้ และซิกซ์เซ้นซ์ ช่วง 10 ปีแรก อาร์เอสผ่านการล้มลุกมาเยอะ บริษัทเคยมีหนี้มากสุด 40-50 ล้านบาท สมัยนั้นเราเป็นบริษัทเล็กๆไม่มีหลักทรัพย์กู้เงิน ต้องหมุนเงินนอกระบบอย่างเดียว ทำไปหมุนไป ออกเทปชุดนี้ขาดทุน ชุดหน้าได้เงินก็เอามาใช้หนี้ชุดแรกสลับอยู่อย่างนี้ โชคดีที่เจอแจ็กพอตกับชุด “รวมดาว” ได้เงินมาล้างหนี้ ทำให้อยู่รอดมาได้ พอธุรกิจเพลงประสบความสำเร็จก็เริ่มหันมาทำหนังและสื่อทีวี ตอนนั้นยังไม่มีช่องของตัวเอง ทำละครและรายการป้อนช่องต่างๆ ทำอยู่ได้ 10 ปี ก็ตัดสินใจปิดธุรกิจสื่อทีวี เพราะเบื่อการผูกขาด

แล้วทำไม “เฮียฮ้อ” ถึงตัดสินใจกระโดดเข้ามาทำทีวีเต็มตัวอีกครั้ง

ผมมาเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์วันนี้ ทั้งทีวีดิจิตอล ช่อง 8 และทีวีดาวเทียม เพราะเก็บกดกับวงการ และอยากเอาชนะ!! ทีวีประเทศไทยถูกผูกขาดมานานกว่า 50 ปี ทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด ประชาชนกลายเป็นตัวประกันไม่มีทางเลือก สมัยก่อนเวลาเราคิดงานต้องนำไปเสนอช่องต่างๆ เราว่าเราคิดดีแล้ว แต่ช่องไม่เอาโดยที่ไม่มีเหตุผล เขาเอาตัวเขาเป็นที่ตั้ง ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ขาดของช่อง เพราะเป็นเจ้าของสถานี แต่ในมุมเราผมทำธุรกิจไม่ได้ เพราะเหมือนเราคิดอะไรมาแล้วลงทุนทำไปแล้ว แต่ต้องพังไปเลย ยังไม่ได้โอกาสพิสูจน์ด้วยซ้ำ แถมยังมีระบบวิ่งเต้นค่าเวลาก็แพง ความแน่นอนไม่มี เปลี่ยนผังตลอด มันไม่สนุกเลย มันมีแต่ความเสี่ยงและความสำเร็จกับรายได้ไปอยู่ที่ช่องหมด ที่สำคัญผมไม่ยอมรับคำตัดสินของช่องไง คนที่จะบอกว่าเราดีไม่ดีคือประชาชน สะท้อนผ่านเรตติ้ง ไม่ใช่ผู้บริหารสถานี ผมคิดรายการมาแทบตาย แต่คุณบอกว่าไม่ดี ถามว่าไม่ดีตรงไหนก็บอกไม่ได้ คุณไม่ชอบต่างหาก ไม่ใช่ประชาชนไม่ชอบ!! เมื่อ 5-7 ปีก่อน ผมเลยตัดสินใจว่าเลิกผลิตรายการทีวีและละครป้อนทุกช่อง เพราะเบื่อ!! กระทั่งได้กลับมาทำช่องทีวีของตัวเองเลยเป็นโอกาสพิสูจน์ สำหรับผมการเปิดเสรีอุตสาหกรรมสื่อทีวีเป็นโอกาสเพชรไม่ใช่โอกาสทอง เพียงแต่ว่าไม่มีตรงกลาง ถ้าคุณชนะจะเป็นบริษัทที่แข็งแรงและมีผลตอบแทนมาก แต่ถ้าคุณแพ้จะเจ็บปวดและขาดทุนมหาศาล ไม่มีบริษัทที่พออยู่ได้กล้อมแกล้ม การเปิดประมูลเป็นวิธีดีที่สุด ผมว่าจำนวนช่องจะเยอะแค่ไหนก็ช่าง ค่าประมูลเท่าไหร่ก็ช่าง เพราะเป็นเรื่องของผู้ประกอบการ แต่คนที่ได้ประโยชน์คือประชาชน ต้องปล่อยให้มีการแข่งขันเต็มที่



อาคารเชษฐโชติศักดิ์ 2
ผลตอบรับจากการทุ่มเทปลุกปั้นธุรกิจทีวีน่าชื่นใจไหม

ต้องบอกว่าช่อง 8 ประสบความสำเร็จค่อนข้างเร็ว เราเป็นรายเดียวในจำนวน 24 ช่อง ประมูลทีวีดิจิตอล ที่ได้กำไรตั้งแต่ปีแรก!! และภายในเวลาไม่ถึงปี ช่อง 8 ก็สามารถก้าวขึ้นเป็นที่ 4 ของทีวีระดับประเทศ เป้าหมายของผมคือภายในปีนี้จะต้องผลักดันให้ช่อง 8 เป็นที่สามของประเทศ ซึ่งผมมั่นใจว่าเราทำได้ เป็นอะไรที่ท้าทายผม เป้าหมายขององค์กรจะเป็นเป้าหมายของผมคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องมีเป้าหมายเดียวกัน อาร์เอสต้องชนะในเกมนี้ให้ได้

อะไรคืออาวุธลับที่ทำให้ “ช่อง 8” ประสบความสำเร็จรวดเร็ว

ธุรกิจทีวีแข่งขันดุเดือดมาก ต้องอาศัยประสบการณ์ที่แม่นยำ ไม่มีเวลาให้ลองผิดลองถูก เพราะธุรกิจนี้ไม่ใช่สนามเด็กเล่นสำหรับมือใหม่ ยิ่งลองผิดลองถูกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสียหายเท่านั้น เมื่อคุณแม่นยำก็ไม่ต้องเสียเงินและเสียเวลา เพราะยิงไปแล้วเข้าเป้า ผมกำหนดกลุ่มเป้าหมายของช่อง 8 ชัดเจน เราจับตลาดแมส ทั้งคนกรุง คนเมือง และคนต่างจังหวัด คอนเทนต์หลักที่จะบุกตลาดคือละคร เราทำแนวตบจูบละครแซ่บๆ เพราะเชื่อว่ากลุ่มเป้าหมายเราน่าจะชอบ และเราเองก็ถนัด นอกจากนี้ก็ต้องมีรายการวาไรตี้ มีรายการกีฬาที่คนไทยชอบ เช่น ฟุตบอลและมวย รวมถึงรายการข่าวก็ต้องไม่หนัก เป็นข่าวชาวบ้านไม่เครียด



บริเวณหน้าอาคาร
เป็นคนจับอะไรต้องใหญ่ต้องเปรี้ยงปร้างเท่านั้นใช่ไหม

(หัวเราะ) คือเป็นนิสัยของผมเลย ทำอะไรเล็กๆมันไม่ท้าทาย ถ้าทำแล้วไม่ท้าทายจะไม่มีแรง ผมเป็นคนพลังเยอะ ถ้ามันไม่ใหญ่พอ มันก็ไม่กดดันเราให้ปล่อยพลังออกมา ผมเลยต้องพยายามทำอะไรที่ท้าทาย มีแรงบีบเยอะๆกดดันเยอะๆ มันจะได้ไม่อยู่เฉย พอเจออะไรที่ท้าทายมากๆพลังจะออกมา แล้วเราก็จะสนุกกับมัน ไม่รู้สึกเบื่อ

คิดเร็วทำเร็วขนาดนี้ มีวิธีการยังไงผลักดันลูกน้องให้วิ่งตามทันเรา

เรื่องนี้ผมทำมานาน ผมปรับโครงสร้างอาร์เอสตลอด จะไม่ปล่อยให้องค์กรอยู่แบบคนสบาย ถ้าเปรียบเทียบองค์กรก็เหมือนคน ถ้าคนเราสบายปุ๊บก็จะปล่อยตัว เริ่มขี้เกียจคิด รักความสบาย เริ่มอ้วนเกี่ยงงาน ไม่ค่อยฟิต ผมเลยต้องคอยกระตุ้นให้ทุกคนขยัน ฟิตตัวเองไม่ให้สายงานมีไขมัน ต้องปรับตัวเองตลอดเวลา เพราะโลกตอนนี้เปลี่ยนเร็วมากอย่าหลงกับความสำเร็จ ผมเป็นคนเร็ว คิดเร็วทำงานเร็ว ผมก็จะใช้ตรงนี้เป็นตัวส่งผ่านถึงลูกน้อง พอเราเร็วลูกน้องก็ต้องเร็วตาม ทุกคนก็จะเร็วและตื่นตัวในการทำงาน แล้วจะส่งต่อเป้าหมายต่อๆกันไป ผมเป็นคนวัดผลเร็ว ถ้าเป็นทีวีก็วันต่อวันเลย วัดผลได้เร็วแบบนี้ผมว่าดี ไม่ใช่สินค้าที่ต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะรู้ผล ถ้าเรตติ้งดีก็แปลว่าคนดูชอบ แต่ถ้าเรตติ้งไม่ดีแสดงว่าคนดูไม่ชอบ ก็ต้องแก้ไขทันที



ความสุขของเฮียฮ้อ คือรอยยิ้มของ “ซ้อแต๋น” และลูกชายทั้งสอง.
เวลาทำงาน “เฮียฮ้อ” ดุมากไหม

ลูกน้องบอกว่าดุ!! ผมว่าผมเป็นคนจริงจังมาก และใจร้อน เป็นคนทำงานเร็ว ถ้าลูกน้องทำงานกับผมตอบผม 3 เรื่องนี้ได้ ก็ไม่มีปัญหา ถ้าคุณจริงจังในหน้าที่ ทำงานให้เร็ว และได้ต้องได้ ก็จะไม่มีปัญหา องค์กรนี้ไม่มีการเมือง ผมจะมอบหมายให้ไปทำ แล้วต้องทำให้ได้ตามเป้า ผมไม่สนใจว่าพวกเขาจะมาทำงานกี่โมงทำงานที่ไหนอย่างไร

ถึงวันนี้รวยสมใจหรือยัง ประสบความสำเร็จถึงจุดที่ฝันไว้หรือยัง

ชีวิตเลยจากจุดที่หวังมาไกลแล้ว!! เอาเป็นว่าตอนนี้ผมรวยความสุข ผมเป็นคนไม่ค่อยอยากมีอยากได้อะไร ไม่สะสมอะไรทั้งนั้น ความสุขของผมคือครอบครัวมีความสุข ผมก็มีความสุข ถ้าผมทำงานแล้วสำเร็จตามเป้าหมาย นั่นคือความสุข งานอดิเรกของผมคือได้เที่ยวได้เดินทาง ผมชอบบรรยากาศเงียบๆถึงไปสร้างบ้านที่เขาใหญ่ เวลาว่างๆผมอยู่คนเดียวได้ตลอดวัน ตอนนี้ผมไม่ได้ทำเพื่อให้รวยขึ้นแต่ต้องการทำงานที่ท้าทาย ทำแล้วสำเร็จผมมีความสุข ตราบใดที่ยังไม่หยุดทำงาน ชีวิตก็ต้องหาความท้าทายเรื่อยๆ ผมไม่มีเป้าหมายรีไทร์แล้ว เพราะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าคึกคักมากกับการทำทีวี ผมมีกำลังทำอีกยาว ส่วนตัวเป็นคนดูแลสุขภาพอยู่แล้ว ผมเล่นกอล์ฟทุกเสาร์อาทิตย์และวิ่งทุกวัน คุมเรื่องอาหาร ส่วนเหล้าบุหรี่ไม่แตะมานานแล้ว เลิกตั้งแต่ตอนแต่งงาน อายุ 25 ปี


สวีทหวานกับ “ซ้อแต๋น”
ธุรกิจใหญ่โตหลายหมื่น ล้าน วางทายาทไว้สืบทอดหรือยัง

ผมไม่เคยวางว่าอาร์เอสจะต้องสานต่อโดยลูกชายของผม วันหนึ่งถ้าผมเกษียณไป ทีมงานผมสามารถดำเนินงานได้ โดยไม่ต้องมีผมด้วยซ้ำ ผมบอกลูกชายตลอดว่า ถ้าจบมาแล้วอยากทำอาร์เอสก็เข้ามา แต่ถ้าไม่ชอบอยากทำอะไรก็บอกป๊า จะเป็นพี่เลี้ยงให้ ผมเชื่อว่าอาร์เอสอยู่ได้อีกหลายสิบปีสบายๆ ผมไม่เชื่อว่าองค์กรไหนในโลกจะอยู่ได้ด้วยเถ้าแก่คนเดียว เพราะโลกเปลี่ยนเร็วมาก องค์กรที่จะอยู่รอดคือพนักงานทุกคนมีความรู้สึกร่วมเป็นเจ้าของ และพร้อมปรับเปลี่ยนตัวเอง องค์กรไหนฝากอนาคตไว้ที่เถ้าแก่คนเดียวมันเสี่ยงเกินไป ถ้าเถ้าแก่นอตหลุดขึ้นมาจะทำยังไง.


ทีมข่าวหน้าสตรี


http://www.thairath.co.th/content/493657

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.