Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

25 กุมภาพันธ์ 2558 ICT.พรชัย ระบุ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิตอลแห่งชาติ หรือ ดีอี ชั่วคราวระหว่างรอ พ.ร.บ.คณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิตอลผ่าน

ประเด็นหลัก

     
       นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิตอลแห่งชาติ หรือ ดีอี ชั่วคราวระหว่างรอ พ.ร.บ.คณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิตอลผ่าน เพื่อให้การทำงานต่างๆตามนโยบาย Digital Economy สามารถเดินหน้าไปก่อนได้ โดยจะเริ่มประชุมนัดแรกกลางเดือนมี.ค.ก่อนที่กระทรวงใหม่จะถูกจัดตั้งขึ้นในเดือนพ.ค.



_____________________________________________________














คณะกก.เศรษฐกิจดิจิตอลประชุมนัดแรกกลางมีคนี้ดีเดย์ประชุมบอร์ดดีอีนัดแรกกลาง



 คณะกก.เศรษฐกิจดิจิตอลประชุมนัดแรกกลางมีคนี้ดีเดย์ประชุมบอร์ดดีอีนัดแรกกลาง
นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)

        รมว.ไอซีทีชี้นายกฯไฟเขียวตั้งคณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิตอลแห่งชาติชั่วคราวก่อน เพื่อเดินหน้าเตรียมแผนงานตามนโยบาย Digital Economy พร้อมประชุมเตรียมงานนัดแรกกลางเดือนมี.ค.นี้ ยันไร้วาระเรื่องการบริหารคลื่นความถี่
     
       นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิตอลแห่งชาติ หรือ ดีอี ชั่วคราวระหว่างรอ พ.ร.บ.คณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิตอลผ่าน เพื่อให้การทำงานต่างๆตามนโยบาย Digital Economy สามารถเดินหน้าไปก่อนได้ โดยจะเริ่มประชุมนัดแรกกลางเดือนมี.ค.ก่อนที่กระทรวงใหม่จะถูกจัดตั้งขึ้นในเดือนพ.ค.
     
       'ตอนแรกท่านนายกฯก็ไม่เห็นด้วยกับเราที่จะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาก่อนที่จะมี กม.บังคับใช้ แต่เราก็บอกท่านไปว่าไม่งั้นเราจะทำงานไม่ได้ ท่านจึงยอมให้ตั้งเป็นคณะกรรมการชั่วคราวไปก่อน ซึ่งตอนนี้เราก็เตรียมการจัดตั้งสำนักงานเลขาในกระทรวงเพื่อให้ทำงานร่วมกับ คณะกรรมการชุดดังกล่าว โดยได้ยืมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในสังกัดหน่วยงานละ 2 คนมาช่วยทำงาน'
     
       สำหรับเนื้อหาในการประชุมนัดแรกยังไม่ได้คุยเรื่องการจัดสรรคลื่นความถี่ แต่เป็นเพียงการพูดคุยเพื่อเตรียมความพร้อมในงานต่างๆ โดยคณะกรรมการชุดนี้ทั้งสิ้นจำนวน 32 คน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการและปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำพ.ร.บ. ประธานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และตัวแทนจากภาคเอกชน ร่วมเป็นกรรมการ
     
       นอกจากนี้ ตนเองยังได้ร่วมประชุมกับม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ เพื่อกำหนดแผนงานและทิศทางการบริหารงานของดาวเทียมทุกดวงที่มีอยู่ในวงโคจรตามสิทธิ์ที่ไอซีทีได้รับจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) โดยเบื้องต้นคาดว่าแผนงานกิจการอวกาศทั้งหมดจะแล้วเสร็จได้ภายในเดือนเม.ย.นี้ จากนั้นจะนำเข้าสู่วาระของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
     
       สำหรับแนวทางการจัดทำแผนกิจการอวกาศนั้นแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ 1. กำหนดทิศทางการบริหารวงโคจรดาวเทียมที่ปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 7 วงโคจรมีดาวเทียมให้บริการ 4 ดวงคือไทยคม 5 และ 6ในตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก ,ไทยคม 7 ตำแหน่ง 50.5 องศาตะวันออก และไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก ซึ่งมีทั้งที่ใช้งานอยู่และหมดอายุไปแล้ว โดยคณะกรรมการที่ร่างแผนงานนั้นจะพิจารณาดูว่าจะมีวิธีใดที่ทำให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด
     
       2.แนวทางการจัดการกับดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ตามที่เคยมีคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เคยพิพากษาให้เป็นดาวเทียมนอกสัญญาสัมปทานเพราะเป็นดาวเทียมที่สร้างมาทดแทนไทยคม 3 ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสรุปว่าจะทำอย่างไรกับดาวเทียมดวงดังกล่าว และ 3.การจัดทำดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ เพื่อให้บริการความมั่นคงและบริการสาธารณะโดยมอบหมายให้คณะกรรมการกิจการอวกาศแห่งชาติไปศึกษาความเป็นไปได้ของการสร้างดาวเทียมภาครัฐ 1 ดวง เพื่อให้บริการความมั่นคงและสาธารณะ
     
       นอกจากนี้ในเดือนเม.ย.นี้ ไอซีทีจะเรียกบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) มาหารือเกี่ยวกับแผนการบริหารงานไอพีสตาร์ว่าจะให้ไอพีสตาร์อยู่ในสถานะอะไร ไม่ว่าจะเป็นดาวเทียมสำรองไทยคม 3 ตามที่ไทยคมอ้าง หรือเป็นดาวเทียมดวงใหม่ขึ้นมาเลย 1 ดวงซึ่งหากไอซีทีและไทยคมกำหนดข้อสรุปร่วมกันได้ก็อาจจะมีการเจรจาเพื่อร่างสัญญาแนบท้ายขึ้นใหม่เพื่อกำหนดอัตราการจ่ายค่าธรรมเนียมหากสรุปให้เป็นดาวเทียมดวงใหม่ แต่หากกำหนดร่วมกันให้เป็นดาวเทียมสำรองไทยคม 3 ก็ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาสัมปทานต่อไป
     
       'ประเด็นการหารือกับไทยคมยังมีเรื่องการให้ใบอนุญาตดาวเทียมไทยคม 7 เพราะปัจจุบันไทยคมถือใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียมเพื่อการสื่อสารจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เพียงอย่างเดียว แต่ตามจริงนั้นไทยคมจำเป็นต้องมีใบอนุญาตการใช้คลื่นความถี่จากไอซีทีด้วย และต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้แก่ไอซีทีด้วย'
     

http://manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9580000022988

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.