Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

13 กุมภาพันธ์ 2558 (บทความ) ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางแข่งเดือด // โอภาส.M Vision ระบุ เทรนด์การซื้อของผู้บริโภคเชื่อว่า กำลังซื้อหลักน่าจะอยู่ในช่วง 8 พัน-1.2 หมื่นบาท // สุภสิทธิ์.i-mobile คาด ตลาดสมาร์ทโฟนในปีนี้ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 17-18 ล้านเครื่อง

ประเด็นหลัก


  นายโอภาส เฉิดพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผู้จัดงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป กล่าวว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจในตอนนี้ที่ไม่มีปัจจัยลบใดๆ เข้ามา เชื่อว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะเริ่มกลับมา โดยคาดการณ์ว่าภายในงานครั้งนี้น่าจะมีเงินสะพัดราว 1,400 ล้านบาท
     
       “เมื่อไม่มีปัจจัยลบใดๆ เข้ามา ทำให้เชื่อว่าในปีนี้เงินสะพัดภายในงานน่าจะเพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้วราว 10% จาก 1,250 ล้านบาท ในขณะที่จำนวนผู้เข้าชมงานจะอยู่ที่ราว 6 แสนคน ซึ่งเป็นอัตราการเข้าชมเฉลี่ยประมาณนี้อยู่แล้ว”

ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางแข่งเดือด

        ในขณะที่เทรนด์การซื้อของผู้บริโภคเชื่อว่า กำลังซื้อหลักน่าจะอยู่ในช่วง 8 พัน-1.2 หมื่นบาท เนื่องจากในงานนี้สินค้าระดับไฮเอนด์ไม่ได้มีการเปิดตัวใหม่มากนัก จะมีก็เพียง Samsung Galaxy Note Edge ที่เปิดราคามาในระดับ 28,900 บาท แต่ก็เป็นสินค้าที่มาจับตลาดเฉพาะตัว ส่วน Apple iPhone และสินค้าไฮเอนด์จากแบรนด์อื่นๆ ก็เป็นรุ่นจากปีที่ผ่านมา
     
       อีกส่วนที่น่าจับตาคือการเข้ามาของแบรนด์จีน ที่เน้นเครื่องระดับราคาคุ้มค่าในช่วงราคาระดับกลาง ที่เริ่มมีแบรนด์ที่ทุนหนาเริ่มเข้ามาทำตลาด และเชื่อว่าจะได้รับผลการตอบรับค่อนข้างดี ทั้งแบรนด์ที่รู้จักในตลาดอยู่แล้วอย่าง หัวเว่ย ออปโป้ ก็จะมี วีโว่ วีโก


 นายสุภสิทธิ์ รักกสิกร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้สภาพเศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มกลับมามีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ประกอบกับตลาดที่นอกจากจะมีการเปลี่ยนจาก 2G เป็น 3G แล้ว โอเปอเรเตอร์ก็เริ่มมีการให้บริการ 4G ก็จะมีตลาดเปลี่ยนจาก 3G เป็น 4G ด้วย ทำให้เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้
     
       “เราประเมินตลาดสมาร์ทโฟนในปีนี้ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 17-18 ล้านเครื่อง โดยคาดว่าไอ-โมบายจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ที่ 20% เหมือนเช่นเดิม โดยปรับงบการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา”
   

_____________________________________________________

















ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางแข่งเดือด




        แบรนด์มือถือพร้อมผู้จัดงานไทยแลนด์โมบายเอ็กซ์โประบุ ช่วงครึ่งปีแรกตลาดสมาร์ทโฟนในระดับราคา 8,000-12,000 บาท หรือตลาดระดับกลางจะแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น จากเดิมที่แข่งขันกันในตลาดไฮเอนด์ และเครื่องเอนทรีเลเวล เนื่องจากมูลค่าในตลาดระดับนี้จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
     
       นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจองค์กรโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ซัมซุงจะให้ความสำคัญกับตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางมากขึ้น เนื่องจากทางซัมซุงคาดการณ์ว่าสัดส่วนในกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ระดับเอนทรีเลเวล และไฮเอนด์จะมีสัดส่วนน้อยลง
     
       โดยทางซัมซุงมีการเก็บข้อมูลสัดส่วนตลาดสมาร์ทโฟนแบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ ต่ำกว่า 3,999 บาท ในปีที่ผ่านมา จะมีสัดส่วนอยู่ราว 13% ถัดมาระดับราคา 4 พัน-1.2 หมื่นบาท มีสัดส่วนราว 43% และระดับราคาสูงกว่า 1.2 หมื่นบาท 44% แต่ในปีนี้ตลาดระดับบนจะลดลงเหลือ 38% และตลาดระดับกลางจะเพิ่มขึ้นเป็น 49% และจะเพิ่มสูงมากขึ้นเป็น 53% ในปี 2016

ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางแข่งเดือด

        ดังนั้น ซัมซุงจึงมีการปรับไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อมาจับกับตลาดนี้โดยเฉพาะ คือ Galaxy A ซีรีส์ และ Galaxy E ซีรีส์ ที่จะครอบคลุมช่วงระดับราคาตั้งแต่ 8 พัน - 1.5 หมื่นบาท พร้อมกับชูจุดเด่นด้วยสมาร์ทโฟนขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว ที่จะกลายเป็นขนาดมาตรฐานในอนาคต
     
       นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที ไทย ซัมซุง กล่าวเสริมว่า ผลิตภัณฑ์เด่นที่จะได้รับความนิยมในงานน่าจะเป็น Galaxy Note Edge Galaxy A5 และ Galaxy A7 ส่วน Galaxy E5 ยังมีสินค้าเข้ามาไม่เยอะมากนัก
     
       “พฤติกรรม ผู้บริโภคของคนไทยให้ความสำคัญกับด้านดีไซน์ตัวเครื่องเป็นหลัก ทำให้เชื่อว่า Galaxy A ซีรีส์ น่าจะได้รับความนิยม เพราะด้วยระดับราคาในช่วงหมื่นต้นๆ ซึ่งเป็นระดับราคาที่ผู้บริโภคสามารถจ่ายเงินซื้อได้”
     
       นายโอภาส เฉิดพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด ผู้จัดงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป กล่าวว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจในตอนนี้ที่ไม่มีปัจจัยลบใดๆ เข้ามา เชื่อว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะเริ่มกลับมา โดยคาดการณ์ว่าภายในงานครั้งนี้น่าจะมีเงินสะพัดราว 1,400 ล้านบาท
     
       “เมื่อไม่มีปัจจัยลบใดๆ เข้ามา ทำให้เชื่อว่าในปีนี้เงินสะพัดภายในงานน่าจะเพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้วราว 10% จาก 1,250 ล้านบาท ในขณะที่จำนวนผู้เข้าชมงานจะอยู่ที่ราว 6 แสนคน ซึ่งเป็นอัตราการเข้าชมเฉลี่ยประมาณนี้อยู่แล้ว”

ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางแข่งเดือด

        ในขณะที่เทรนด์การซื้อของผู้บริโภคเชื่อว่า กำลังซื้อหลักน่าจะอยู่ในช่วง 8 พัน-1.2 หมื่นบาท เนื่องจากในงานนี้สินค้าระดับไฮเอนด์ไม่ได้มีการเปิดตัวใหม่มากนัก จะมีก็เพียง Samsung Galaxy Note Edge ที่เปิดราคามาในระดับ 28,900 บาท แต่ก็เป็นสินค้าที่มาจับตลาดเฉพาะตัว ส่วน Apple iPhone และสินค้าไฮเอนด์จากแบรนด์อื่นๆ ก็เป็นรุ่นจากปีที่ผ่านมา
     
       อีกส่วนที่น่าจับตาคือการเข้ามาของแบรนด์จีน ที่เน้นเครื่องระดับราคาคุ้มค่าในช่วงราคาระดับกลาง ที่เริ่มมีแบรนด์ที่ทุนหนาเริ่มเข้ามาทำตลาด และเชื่อว่าจะได้รับผลการตอบรับค่อนข้างดี ทั้งแบรนด์ที่รู้จักในตลาดอยู่แล้วอย่าง หัวเว่ย ออปโป้ ก็จะมี วีโว่ วีโก
     
       รวมถึงแบรนด์ในตลาด เดิมอย่าง เอซุส เอเซอร์ เลอโนโว ที่ยังมุ่งมั่นที่จะทำตลาดสมาร์ทโฟนในระดับเอนทรีเลเวลต่อไป ส่วนอินเตอร์แบรนด์อย่าง โซนี่ และแอลจี ก็จะมีไลน์สินค้าที่ครอบคลุมทุกระดับราคา ซึ่งภายในงานก็จะมีการทำโปรโมชันพิเศษด้วย
     
       ขณะที่การแข่งขันของโอเปอเรเตอร์ ก็มีการจูงใจให้ลูกค้าย้ายค่าย ด้วยการทำโปรโมชันเครื่องราคาพิเศษ ที่เชื่อว่าจะมีการแข่งขันกันดุเดือด เพราะแต่ละรายก็พยายามหาลูกค้าเข้าในระบบ พร้อมกับการเชิญชวนให้ลูกค้าย้ายจากการใช้งานเครื่องในระบบ 2G ให้มาเป็น 3G
     
       โดยแต่ละโอเปอเรเตอร์ ก็จะมีการนำสมาร์ทโฟนแบรนด์ของตนเองเข้ามาจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น AIS Super Combo ที่นำ Lava มาขาย ทางดีแทค ก็จะมี ไตรเน็ตโฟน ขณะที่ทรู ก็จะมี Smart ซีรีส์ ร่วมกับแพกเกจพิเศษไม่ว่าจะเป็นส่วนลดค่าโทร. ค่าดาต้า
     
       “ปีนี้ตลาดสมาร์ทโฟนน่าจะเติบโตราว 20% โดยมาจากลูกค้าที่แต่เดิมซื้อสมาร์ทโฟนในระดับราคาเอนทรีเลเวลไป ในระดับราคาต่ำกว่า 5 พันบาท ก็จะมีการเปลี่ยนเครื่อง และหันมาเลือกซื้อสมาร์ทโฟนในระดับกลางมากขึ้น เพราะด้วยสเปกที่สูงขึ้นในระดับราคาที่ต่ำลง”

ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางแข่งเดือด

        เช่น เดียวกับทาง ไอ-โมบาย ที่มองว่าตลาดสมาร์ทโฟนในระดับกลางน่าจะได้รับความนิยมเช่นกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงในแง่ของเทคโนโลยีในการให้บริการของผู้ให้บริการเครือข่ายที่แต่เดิมเริ่มผลักดันลูกค้าให้เปลี่ยนจาก 2G เป็น 3G ในช่วงปีที่ผ่านมา ปีนี้ก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนจาก 3G เป็น 4G มากขึ้น
     
       นายสุภสิทธิ์ รักกสิกร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้สภาพเศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มกลับมามีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ประกอบกับตลาดที่นอกจากจะมีการเปลี่ยนจาก 2G เป็น 3G แล้ว โอเปอเรเตอร์ก็เริ่มมีการให้บริการ 4G ก็จะมีตลาดเปลี่ยนจาก 3G เป็น 4G ด้วย ทำให้เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้
     
       “เราประเมินตลาดสมาร์ทโฟนในปีนี้ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 17-18 ล้านเครื่อง โดยคาดว่าไอ-โมบายจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ที่ 20% เหมือนเช่นเดิม โดยปรับงบการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา”
     
       โดยจุดเด่นของสมาร์ทโฟน ไอ-โมบาย นอกจากเรื่องของการรับชมทีวีดิจิตอลได้แล้ว ก็จะโชว์ความสามารถในเรื่องของหน้าจอที่มีรุ่นซึ่งใช้จอประเภทเดียวกับผู้นำตลาด รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีกล้องจากแบรนด์ชั้นนำในตลาดสมาร์ทโฟนเข้ามาใช้ และจำหน่ายในระดับราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท
     
       นายกิตติณัฐ ทีคะวรรณ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ธุรกิจโมบายล์ และผู้อำนวยการบริหารธุรกิจรีเทล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางกลุ่มทรูนำดีไวซ์ออกมาจำหน่าย มีวัตถุประสงค์ คือ การออกผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง เครือข่าย และคอนเทนต์ ด้วยดีไวซ์ที่มีคุณภาพ
     
       “ปีที่ผ่านมา กลุ่มทรูเริ่มรุกตลาดมือถือตั้งแต่ระดับเอนทรีเลเวล ทั้งฟีเจอร์โฟนที่รองรับ 3G ในราคา 599 บาท จากราคาทั่วไปที่เกือบ 2 พันบาท เมื่อทำราคาได้ต่ำลงก็สามารถเข้าถึงช่องทางจำหน่ายได้มากขึ้น อย่างเช่นการนำไปขายในเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ”
     
       ล่าสุดทางทรู ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ True Smart 4G 5.5” Enterprise ชูจุดเด่นสามารถใช้งานได้กว่า 101 ประเทศ ที่รองรับเครือข่าย 4G โดยทำงานบนหน่วยประมวลผล Snapdragon 400 กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล แบตเตอรีขนาด 3,100 mAh พร้อมวางจำหน่ายทั่วประเทศภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ในราคา 8,990 บาท เพื่อมาตอบรับการขยายตัวของ 4G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว
     
       หัวเว่ย ก็เป็นอีกแบรนด์ที่ให้ความสนใจกับเครื่องระดับราคากลางๆ โดยภายในงานได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่ คือ Huawei G7 และ Huawei G620S ในระดับราคา 9,990 บาท และ 5,490 บาท ตามลำดับ มาจับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการใช้ 4G
     
       นายสรทัศน์ ศฤงคารบริบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นหนแรกที่ทางหัวเว่ย เริ่มมีกิจกรรมส่งเสริมการขายขึ้น โดยทางหัวเว่ยได้เตรียมสมาร์ทโฟนกว่า 20 รุ่นมาวางจำหน่ายภายในงานดังกล่าวด้วย
     
       ทางด้านนายณฐกร จรูญโรจน์ ผู้อำนวยการแบรนด์ บริษัท วีโว่ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลว่า การทำตลาดของสมาร์ทโฟนวีโว่ตั้งแต่การเปิดตัวนับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มียอดขายมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้จะเข้าสู่ตลาดได้ไม่ถึง 1 ปี
     
       โดยในกลุ่มราคา ตั้งแต่ 10,000-15,000 บาท เป็นสัดส่วนที่วีโว่ขายได้มากที่สุดถึง 50% เมื่อเทียบกับยอดขายรวมทั้งหมดของวีโว่ โดยปัจจัยการเลือกซื้อในระดับราคาดังกล่าว คือ การมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันในราคาที่สมเหตุสมผล
     
       ทั้งนี้ คาดว่าตลาดสมาร์ทโฟนในปีนี้จะมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง วีโว่จึงได้เตรียมงบการตลาดไว้ประมาณ 300-500 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครู้จักมากขึ้น ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ บิลบอร์ด ดิสเพลย์ต่างๆ รวมไปถึงการเพิ่มบริการหลังการขายรวม 15 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งในงานไทยแลนด์โมบายเอ็กซ์โปนี้จะได้ทำการเปิดตัว vivo x5max โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 500 เครื่อง หมดแล้วหมดเลยไม่มีเพิ่มอีก
     
       ด้านนางสาวกนิษฐา อุยยามะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท วีโก โมบาย ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า วีโกโมบายมุ่งเน้นการให้ผู้บริโภคเข้าถึงเทคโนโลยี จึงนำเสนอสมาร์ทโฟนในระดับราคาเริ่มต้นที่ 1,000 กว่าบาทไปจนถึง 6,990 บาท โดยมีเทคโนโลยีที่เทียบเท่ากับสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ของผู้ผลิตรายอื่น ซึ่งการนำระดับราคาดังกล่าวเข้ามาจำหน่ายนั้นเนื่องจากมองว่ามีโอกาสที่จะแนะนำให้กับผู้บริโภคได้ง่ายกว่า เพราะมีราคาที่จับต้องได้ ในขณะที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่เกินตัว
     
       สำหรับในปีนี้ วีโกได้เตรียมงบการตลาดไว้ทั้งสิ้น 500 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์วิโกให้ผู้บริโภคได้รู้จักมากขึ้น ผ่านกลยุทธ์การตลาดแบบ 360 องศาที่ครอบคลุมในทุกช่องทางการสื่อสาร นอกจากนี้นำเสนอความมั่นใจด้วยศูนย์บริการที่มีอยู่ 8 แห่งและการรับประกันซ่อมเสร็จภายใน 1 วัน ซึ่งลูกค้าสามารถนำเครื่องที่มีปัญหาไปดรอปไว้ที่ร้านค้าที่จำหน่ายได้ทุกแห่ง
     
       “ตลาดสมาร์ทโฟนในปีนี้จะมีการแข่งขันและมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีความครอบคลุม และผู้บริโภคเองก็เริ่มคุ้นเคยกับการใช้งานสมาร์ทโฟนมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังคาดว่าราคาของสมาร์ทโฟนจะเริ่มลดลงเรื่อยๆ และมีสเปกที่ดีขี้น ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ล่าสุดวีโกได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟน ใหม่อีก 2 รุ่นคือ RIDGE และ RIDGE FAB 4G ที่เน้นดีไซน์ที่โดดเด่นและสวยงาม”
     
       การเปิดตัวของสมาร์ทโฟนในงานไทยแลนด์โมบายเอ็กซ์โปจะเห็นได้ว่าแต่ละแบรนด์ต่างหันมาให้ความสำคัญกับตลาดเครื่องระดับกลางแทบทั้งหมด ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่มีตัวเลือกในตลาดสมาร์ทโฟนให้เลือกมากขึ้น และที่สำคัญคือความคุ้มค่าคุ้มราคา

ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางแข่งเดือด

        ***ตรวจแถวงาน Thailand Mobile Expo 2015 งานมหกรรมมือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ครั้งที่ 20
     
       ภายในงานจะแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ ด้วยกัน คือ Mobile Zone - จะเป็นโซนที่เน้นแสดงผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนจากแบรนด์ และโอเปอเรเตอร์ต่างๆ พร้อมกับการจำหน่ายด้วยราคาพิเศษภายในงาน
     
       Gadget Zone - มีการนำอุปกรณ์เสริมที่เพิ่งเปิดตัวภายในงาน CES 2015 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเข้ามาจัดโชว์ให้ผู้เข้าชมได้ทดลองใช้งานกว่า 25 ชิ้น และ Mobile Game Zone - เป็นโซนใหม่ที่ทาง เอ็ม วิชั่น ร่วมกับทาง คอมเกมเมอร์ นำบริษัท เกมบนมือถือเข้ามาออกบูธ เพื่อแจกรางวัลพิเศษให้แก่ลูกค้าที่เข้าร่วมงาน พร้อมกับการแนะนำเกมใหม่ๆ ด้วย
     
       โดยงานThailand Mobile Expo 2015 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างเวลา 10.00-20.00 น. โดยคาดการณ์ว่า ราคามือถือจะลดสุดๆ ในช่วงวันสุดท้ายของการจัดงาน เนื่องจากดีลเลอร์แต่ละรายจะทำการอัดโปรโมชัน กับสมาร์ทโฟนที่เหลืออยู่ในสต็อกเพื่อจำหน่ายให้ได้มากที่สุด
     

http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000017560

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.