13 กุมภาพันธ์ 2558 IBM ชี้ ชาวอเมริกัน 1 ใน 10 คน หรือประมาณ 31 ล้านคน เคยใช้แอปหาคู่ และจำนวนคู่รักที่พบเจอกันในโลกออนไลน์เพิ่มขึ้น 66% ที่สำคัญแอปเหล่านี้ต้องใช้งาน GPS เพื่อค้นหาตำแหน่งมากถึง 73%"
ประเด็นหลัก
"ด้วยความสะดวกของการหาคู่ ทำให้เกิดการใช้งานแอปพลิเคชั่นประเภทนี้อย่างแพร่หลาย โดยกว่า 50% ของพนักงานในองค์กรต่างๆ มีแอปประเภทนี้ติดตั้งอยู่ และชาวอเมริกัน 1 ใน 10 คน หรือประมาณ 31 ล้านคน เคยใช้แอปหาคู่ และจำนวนคู่รักที่พบเจอกันในโลกออนไลน์เพิ่มขึ้น 66% ที่สำคัญแอปเหล่านี้ต้องใช้งาน GPS เพื่อค้นหาตำแหน่งมากถึง 73%"
ทั้งนี้นักวิจัยด้านความปลอดภัยของไอบีเอ็มพบว่า มีแอปพลิเคชั่นหาคู่ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 26 ตัวจาก 41 ตัว ที่สำรวจ มีความเสี่ยงในการถูกเจาะข้อมูลขั้นปานกลางถึงสูง เนื่องจากแอปดังกล่าว เปิดให้แฮ็คเกอร์เข้ามาโจรกรรมข้อมูลต่างๆ บนโลกออนไลน์ได้ พร้อมกับเข้าโจมตีในระดับออฟไลน์ เช่นการค้นหาตำแหน่งจาก GPS หรือควบคุมโทรศัพท์, ไมโครโฟน และกล้องถ่ายภาพ รวมถึงเปลี่ยนโปรไฟล์เพื่อหลอกลวงการติดต่อในโลกออนไลน์ต่อไป
_____________________________________________________
"ไอบีเอ็ม" ชี้คนใช้แอปฯหาคู่วาเลนไทน์ เสี่ยงโดนแฮ็คข้อมูล
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ไอบีเอ็ม ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีจากสหรัฐอเมริกา ได้สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการใช้แอปพลิเคชั่นหาคู่ หรือ Social Dating และพบถึงจุดเสี่ยงในการถูกแฮ็คข้อมูลกว่า 60% ของแอปประเภทนี้
โดยเหตุผลที่แอปพลิเคชั่นหาคู่ค่อนข้างเสี่ยง เพราะแอปเหล่านั้นสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ในสมาร์ทโฟนเช่น กล้องถ่ายรูป, ไมโครโฟน, ที่เก็บข้อมูลภายใน, ระบบค้นหาตำแหน่ง (GPS) และข้อมูลการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ทำให้แฮ็คเกอร์สามารถเจาะเข้ามาในเครื่องของผู้บริโภคได้ หากแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ
"ด้วยความสะดวกของการหาคู่ ทำให้เกิดการใช้งานแอปพลิเคชั่นประเภทนี้อย่างแพร่หลาย โดยกว่า 50% ของพนักงานในองค์กรต่างๆ มีแอปประเภทนี้ติดตั้งอยู่ และชาวอเมริกัน 1 ใน 10 คน หรือประมาณ 31 ล้านคน เคยใช้แอปหาคู่ และจำนวนคู่รักที่พบเจอกันในโลกออนไลน์เพิ่มขึ้น 66% ที่สำคัญแอปเหล่านี้ต้องใช้งาน GPS เพื่อค้นหาตำแหน่งมากถึง 73%"
ทั้งนี้นักวิจัยด้านความปลอดภัยของไอบีเอ็มพบว่า มีแอปพลิเคชั่นหาคู่ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 26 ตัวจาก 41 ตัว ที่สำรวจ มีความเสี่ยงในการถูกเจาะข้อมูลขั้นปานกลางถึงสูง เนื่องจากแอปดังกล่าว เปิดให้แฮ็คเกอร์เข้ามาโจรกรรมข้อมูลต่างๆ บนโลกออนไลน์ได้ พร้อมกับเข้าโจมตีในระดับออฟไลน์ เช่นการค้นหาตำแหน่งจาก GPS หรือควบคุมโทรศัพท์, ไมโครโฟน และกล้องถ่ายภาพ รวมถึงเปลี่ยนโปรไฟล์เพื่อหลอกลวงการติดต่อในโลกออนไลน์ต่อไป
ดังนั้นผู้บริโภคจึงไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป และสังเกตข้อเรียกร้องการเข้าถึงข้อมูลของแอปพลิเคชั่นที่จะดาวน์โหลดว่า ต้องการมากเกินไปหรือไม่ นอกจากนี้ควรเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟที่น่าเชื่อถืออีกด้วย ส่วนในฝั่งองค์กรควรใช้มาตรการที่รัดกุมในการเปิดให้พนักงานดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นต่างๆ ลงในดีไวซ์ขององค์กร รวมถึงให้ความรู้แก่พนักงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแอปพลิเคชั่นหาคู่ยอดนิยมในขณะนี้คือ Tinder, Badoo และ Available เป็นต้น ส่วนใหญ่ใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอส และแอนดรอยด์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1423805035
"ด้วยความสะดวกของการหาคู่ ทำให้เกิดการใช้งานแอปพลิเคชั่นประเภทนี้อย่างแพร่หลาย โดยกว่า 50% ของพนักงานในองค์กรต่างๆ มีแอปประเภทนี้ติดตั้งอยู่ และชาวอเมริกัน 1 ใน 10 คน หรือประมาณ 31 ล้านคน เคยใช้แอปหาคู่ และจำนวนคู่รักที่พบเจอกันในโลกออนไลน์เพิ่มขึ้น 66% ที่สำคัญแอปเหล่านี้ต้องใช้งาน GPS เพื่อค้นหาตำแหน่งมากถึง 73%"
ทั้งนี้นักวิจัยด้านความปลอดภัยของไอบีเอ็มพบว่า มีแอปพลิเคชั่นหาคู่ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 26 ตัวจาก 41 ตัว ที่สำรวจ มีความเสี่ยงในการถูกเจาะข้อมูลขั้นปานกลางถึงสูง เนื่องจากแอปดังกล่าว เปิดให้แฮ็คเกอร์เข้ามาโจรกรรมข้อมูลต่างๆ บนโลกออนไลน์ได้ พร้อมกับเข้าโจมตีในระดับออฟไลน์ เช่นการค้นหาตำแหน่งจาก GPS หรือควบคุมโทรศัพท์, ไมโครโฟน และกล้องถ่ายภาพ รวมถึงเปลี่ยนโปรไฟล์เพื่อหลอกลวงการติดต่อในโลกออนไลน์ต่อไป
_____________________________________________________
"ไอบีเอ็ม" ชี้คนใช้แอปฯหาคู่วาเลนไทน์ เสี่ยงโดนแฮ็คข้อมูล
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ไอบีเอ็ม ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีจากสหรัฐอเมริกา ได้สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการใช้แอปพลิเคชั่นหาคู่ หรือ Social Dating และพบถึงจุดเสี่ยงในการถูกแฮ็คข้อมูลกว่า 60% ของแอปประเภทนี้
โดยเหตุผลที่แอปพลิเคชั่นหาคู่ค่อนข้างเสี่ยง เพราะแอปเหล่านั้นสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ในสมาร์ทโฟนเช่น กล้องถ่ายรูป, ไมโครโฟน, ที่เก็บข้อมูลภายใน, ระบบค้นหาตำแหน่ง (GPS) และข้อมูลการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ทำให้แฮ็คเกอร์สามารถเจาะเข้ามาในเครื่องของผู้บริโภคได้ หากแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ
"ด้วยความสะดวกของการหาคู่ ทำให้เกิดการใช้งานแอปพลิเคชั่นประเภทนี้อย่างแพร่หลาย โดยกว่า 50% ของพนักงานในองค์กรต่างๆ มีแอปประเภทนี้ติดตั้งอยู่ และชาวอเมริกัน 1 ใน 10 คน หรือประมาณ 31 ล้านคน เคยใช้แอปหาคู่ และจำนวนคู่รักที่พบเจอกันในโลกออนไลน์เพิ่มขึ้น 66% ที่สำคัญแอปเหล่านี้ต้องใช้งาน GPS เพื่อค้นหาตำแหน่งมากถึง 73%"
ทั้งนี้นักวิจัยด้านความปลอดภัยของไอบีเอ็มพบว่า มีแอปพลิเคชั่นหาคู่ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 26 ตัวจาก 41 ตัว ที่สำรวจ มีความเสี่ยงในการถูกเจาะข้อมูลขั้นปานกลางถึงสูง เนื่องจากแอปดังกล่าว เปิดให้แฮ็คเกอร์เข้ามาโจรกรรมข้อมูลต่างๆ บนโลกออนไลน์ได้ พร้อมกับเข้าโจมตีในระดับออฟไลน์ เช่นการค้นหาตำแหน่งจาก GPS หรือควบคุมโทรศัพท์, ไมโครโฟน และกล้องถ่ายภาพ รวมถึงเปลี่ยนโปรไฟล์เพื่อหลอกลวงการติดต่อในโลกออนไลน์ต่อไป
ดังนั้นผู้บริโภคจึงไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป และสังเกตข้อเรียกร้องการเข้าถึงข้อมูลของแอปพลิเคชั่นที่จะดาวน์โหลดว่า ต้องการมากเกินไปหรือไม่ นอกจากนี้ควรเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟที่น่าเชื่อถืออีกด้วย ส่วนในฝั่งองค์กรควรใช้มาตรการที่รัดกุมในการเปิดให้พนักงานดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นต่างๆ ลงในดีไวซ์ขององค์กร รวมถึงให้ความรู้แก่พนักงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแอปพลิเคชั่นหาคู่ยอดนิยมในขณะนี้คือ Tinder, Badoo และ Available เป็นต้น ส่วนใหญ่ใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอส และแอนดรอยด์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1423805035
ไม่มีความคิดเห็น: